ส่งของไปต่างประเทศครั้งแรก ต้องทำอย่างไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่
ส่งของไปต่างประเทศครั้งแรก ต้องทำอย่างไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่
อยากส่งของขวัญให้เพื่อนที่อยู่คนละซีกโลก? หรือเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เพิ่งมีออเดอร์จากต่างประเทศครั้งแรก? ความรู้สึกตื่นเต้นมักจะมาพร้อมกับคำถามมากมายในหัว ทั้งเรื่องเอกสาร ค่าใช้จ่าย และขั้นตอนที่ดูยุ่งเหยิงไปหมด
ไม่ต้องกังวลไปครับ! คู่มือฉบับนี้จะสรุปทุกขั้นตอนการส่งของไปต่างประเทศให้เป็นเรื่องง่าย ที่ใครๆ ก็ทำตามได้ แม้จะเป็นครั้งแรกก็ตาม
ขั้นตอนที่ 1: เลือกผู้ให้บริการขนส่ง (Shipping Carrier)
ตัวเลือกแรกที่คุณต้องตัดสินใจ คือจะส่งกับใครดี ซึ่งในไทยมีผู้ให้บริการหลักๆ 3 กลุ่ม:
ไปรษณีย์ไทย (Thailand Post): พี่ใหญ่ที่น่าเชื่อถือและเข้าถึงง่าย มีบริการหลากหลายให้เลือกตามงบประมาณและความเร็วที่ต้องการ เช่น
ePacket: สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์โดยเฉพาะ ราคาประหยัด เช็คสถานะได้
EMS World: ส่งด่วนพิเศษ ถึงปลายทางใน 3-5 วันทำการ ราคาสูงแต่เร็วและเชื่อถือได้
พัสดุย่อยทางอากาศ (Small Packet): เหมาะกับของชิ้นเล็กน้ำหนักไม่เกิน 2 กก. ราคาถูกที่สุด แต่ใช้เวลานานและติดตามสถานะได้จำกัด
บริษัทขนส่งด่วน (Express Couriers): เช่น DHL, FedEx, UPS เหมาะสำหรับของที่ต้องการความเร็วสูง, การดูแลเป็นพิเศษ, หรือของมีมูลค่าสูง จุดเด่นคือส่งถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็ว (3-7 วัน) มีระบบ Tracking ที่ละเอียดมาก และมีบริการเดินพิธีการศุลกากรให้ แต่ค่าบริการก็จะสูงตามไปด้วย
ตัวกลางหรือตัวแทน (Shipping Agent): เป็นบริษัทที่รวบรวมดีลจากขนส่งหลายๆ เจ้ามาให้คุณเลือก เปรียบเทียบราคาได้ง่าย และอาจได้ราคาที่ดีกว่าการติดต่อโดยตรง เหมาะสำหรับคนที่ส่งบ่อยๆ หรือส่งของชิ้นใหญ่
เลือกยังไงดี?: ถ้าส่งของขวัญทั่วไป ไม่รีบมาก ไปรษณีย์ไทย คือคำตอบที่คุ้มค่า แต่ถ้าเป็นของสำคัญทางธุรกิจหรือต้องการให้ถึงเร็วที่สุด DHL/FedEx จะตอบโจทย์กว่า
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบ "ของต้องห้าม" ปลายทาง (Prohibited Items)
สำคัญที่สุด! เพราะถ้าส่งของต้องห้ามไป พัสดุของคุณอาจถูกยึด ทำลาย หรือตีกลับและต้องเสียค่าส่งกลับเอง ของต้องห้ามทั่วไปได้แก่:
- แบตเตอรี่ลิเธียม, Power Bankฃ
- ของเหลว, สเปรย์, วัตถุไวไฟ
- พืช, ดิน, เมล็ดพันธุ์, อาหารสด
- ยาที่ไม่มีใบรับรองแพทย์
- ของละเมิดลิขสิทธิ์
Pro-Tip: แต่ละประเทศมีกฎไม่เหมือนกัน! สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ เช็คกฎของประเทศปลายทาง โดยตรง พิมพ์ใน Google ง่ายๆ ว่า "Prohibited items to import to [ชื่อประเทศ]" เช่น "Prohibited items to import to USA"
ขั้นตอนที่ 3: แพ็กของให้แข็งแรงปลอดภัย
พัสดุของคุณต้องเดินทางไกลและผ่านมือคนหลายทอด การแพ็กของให้ดีจึงสำคัญมาก
- ใช้กล่องใหม่และแข็งแรง: เลือกกล่องที่มีขนาดพอดี ไม่ใหญ่เกินไป
- ห่อกันกระแทก (Bubble Wrap): ห่อตัวสินค้าทุกชิ้นให้แน่นหนา
- อุดช่องว่าง: ใช้เศษกระดาษ, Air Pillow, หรือเม็ดโฟม อุดช่องว่างในกล่องให้แน่น อย่าให้ของขยับได้
- ปิดให้แน่นหนา: ใช้เทปกาวสำหรับแพ็กของ ปิดทับทุกรอยต่อของกล่อง ทั้งด้านบนและด้านล่าง
ขั้นตอนที่ 4: เตรียมเอกสารสำคัญ "ใบศุลกากร"
นี่คือสิ่งที่มือใหม่กลัวที่สุด แต่จริงๆ แล้วไม่ซับซ้อนเลย "ใบศุลกากร" (Customs Declaration Form) คือเอกสารที่บอกเจ้าหน้าที่ว่าของข้างในคืออะไร มีมูลค่าเท่าไหร่
- ถ้าส่งกับไปรษณีย์ไทย: คุณจะต้องกรอกฟอร์ม CN22 (สำหรับของมูลค่าไม่สูง) หรือ CN23
- ถ้าส่งกับ Express Couriers: จะเรียกว่า Commercial Invoice
ข้อมูลที่ต้องกรอก (ต้องเป็นภาษาอังกฤษ):
1.Sender/Receiver: ชื่อ-ที่อยู่-เบอร์โทร ของผู้ส่งและผู้รับให้ครบถ้วน2.Quantity and Detailed description of contents: ระบุจำนวนและรายละเอียดของให้ชัดเจนที่สุด
- ผิด: Clothes
- ถูก: 1 Cotton T-shirt, 1 pair of Jeans
3.Weight: น้ำหนักของแต่ละรายการ
4.Value: มูลค่าของสินค้าแต่ละชิ้น (ควรใส่ตามจริง) การใส่ราคาต่ำเกินไปอาจทำให้พัสดุโดนกักเพื่อประเมินใหม่และโดนปรับได้
5.HS Code (ถ้ามี): คือรหัสสากลของสินค้าแต่ละประเภท ช่วยให้ศุลกากรทำงานเร็วขึ้น แต่สำหรับบุคคลทั่วไปอาจไม่จำเป็น
6.เลือกประเภทการส่ง: เช่น Gift (ของขวัญ), Commercial Sample (ตัวอย่างสินค้า), Merchandise (สินค้าเพื่อการค้า)
ขั้นตอนที่ 5: ชั่งน้ำหนัก วัดขนาด และชำระเงิน
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็นำพัสดุและเอกสารไปที่เคาน์เตอร์บริการ เจ้าหน้าที่จะทำการชั่งน้ำหนักและวัดขนาดเพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายสุดท้าย ซึ่งจะคิดจาก "น้ำหนักจริง" (Actual Weight) หรือ "น้ำหนักตามปริมาตร" (Volumetric Weight) แล้วแต่ว่าอย่างไหนสูงกว่ากัน
เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ให้เก็บใบเสร็จและเลข Tracking Number ไว้ให้ดีที่สุด เพื่อใช้ติดตามสถานะพัสดุและเป็นหลักฐานการจัดส่ง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- ภาษีนำเข้าปลายทางใครจ่าย?
โดยปกติแล้ว ผู้รับ (Recipient) จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าภาษีอากรต่างๆ ที่ประเทศปลายทางเรียกเก็บ
- ใช้เวลากี่วันของจะถึง?
ไปรษณีย์ไทย (พัสดุย่อย/ลงทะเบียน): 2-4 สัปดาห์
ไปรษณีย์ไทย (EMS World): 3-7 วันทำการ
DHL/FedEx/UPS: 2-5 วันทำการ
- ต้องทำประกันสินค้าไหม?
ถ้าเป็นของมีมูลค่าสูง "ควรทำอย่างยิ่ง" ขนส่งทุกเจ้ามีบริการประกันสินค้าเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้คุณอุ่นใจหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
การส่งของไปต่างประเทศอาจมีรายละเอียดเยอะในครั้งแรก แต่เมื่อคุณเข้าใจขั้นตอนทั้งหมดแล้ว ครั้งต่อไปก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ ทันที ขอให้สนุกกับการเชื่อมต่อกับโลกกว้าง
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620
อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com
ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!