OMS (Order Management System) ต่างจาก WMS ยังไง?
อัพเดทล่าสุด: 18 ก.ค. 2025
94 ผู้เข้าชม
ในการบริหารจัดการคลังสินค้าและออเดอร์ของธุรกิจยุคใหม่ มีระบบซอฟต์แวร์หลายตัวที่ช่วยให้งานเป็นระบบมากขึ้น สองระบบที่มักถูกพูดถึงเสมอคือ OMS (Order Management System) และ WMS (Warehouse Management System) หลายคนอาจสับสนว่าสองระบบนี้เหมือนกันหรือใช้แทนกันได้หรือไม่ วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกัน
OMS คืออะไร?
OMS (Order Management System) คือ ระบบที่ใช้บริหารจัดการคำสั่งซื้อของลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการจัดส่ง โดยเน้นการจัดการ "ออเดอร์" เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการรับออเดอร์จากหลายช่องทาง (Marketplace, เว็บไซต์, POS), ตรวจสอบสถานะสต๊อก, ตรวจสอบการชำระเงิน ไปจนถึงการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า
จุดเด่นของ OMS:
WMS คืออะไร?
WMS (Warehouse Management System) คือ ระบบบริหารจัดการภายในคลังสินค้า เช่น การรับเข้า (Inbound), การจัดเก็บสินค้า (Storage), การหยิบสินค้า (Picking), แพ็ค (Packing) และจัดส่ง (Shipping) โดยเน้นให้การเคลื่อนไหวภายในคลังมีประสิทธิภาพสูงสุด
จุดเด่นของ WMS:
OMS vs WMS ต่างกันยังไง?
หัวข้อ OMS (Order Management System) WMS (Warehouse Management System)
โฟกัส คำสั่งซื้อจากลูกค้า การจัดการคลังสินค้า
ใช้งานโดย ทีมอีคอมเมิร์ซ, ฝ่ายขาย ทีมคลังสินค้า, ทีมปฏิบัติการ
การจัดการสต๊อก แสดงภาพรวมสต๊อกทุกช่องทาง แสดงข้อมูลสต๊อกในคลังแบบละเอียด
การรับออเดอร์ รับจาก Marketplace / POS / Website ไม่รองรับ
การหยิบสินค้า ส่งคำสั่งไปที่ WMS เพื่อดำเนินการ จัดการการหยิบสินค้าจริงในคลัง
ระบบขนส่ง เชื่อมกับขนส่ง, แจ้งเลขพัสดุ เตรียมพัสดุให้พร้อมจัดส่ง
แล้วธุรกิจควรใช้ระบบไหน?
คำตอบคือ ใช้ร่วมกันจะดีที่สุด
สรุป
OMS คืออะไร?
OMS (Order Management System) คือ ระบบที่ใช้บริหารจัดการคำสั่งซื้อของลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการจัดส่ง โดยเน้นการจัดการ "ออเดอร์" เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการรับออเดอร์จากหลายช่องทาง (Marketplace, เว็บไซต์, POS), ตรวจสอบสถานะสต๊อก, ตรวจสอบการชำระเงิน ไปจนถึงการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า
จุดเด่นของ OMS:
- รวมออเดอร์จากหลายช่องทางไว้ในที่เดียว (Omnichannel)
- ซิงก์ข้อมูลสต๊อกแบบเรียลไทม์
- ติดตามสถานะคำสั่งซื้อ
- เชื่อมต่อกับระบบขนส่ง
- จัดการคืนสินค้าและเคลม
WMS คืออะไร?
WMS (Warehouse Management System) คือ ระบบบริหารจัดการภายในคลังสินค้า เช่น การรับเข้า (Inbound), การจัดเก็บสินค้า (Storage), การหยิบสินค้า (Picking), แพ็ค (Packing) และจัดส่ง (Shipping) โดยเน้นให้การเคลื่อนไหวภายในคลังมีประสิทธิภาพสูงสุด
จุดเด่นของ WMS:
- แสดงตำแหน่งจัดเก็บสินค้าอย่างชัดเจน
- วางแผนเส้นทางหยิบสินค้า (Picking Route)
- บริหารพื้นที่จัดเก็บให้คุ้มค่า
- ตรวจสอบจำนวนสินค้าและ Lot
- รองรับการนับสต๊อกแบบ Cycle Count
OMS vs WMS ต่างกันยังไง?
หัวข้อ OMS (Order Management System) WMS (Warehouse Management System)
โฟกัส คำสั่งซื้อจากลูกค้า การจัดการคลังสินค้า
ใช้งานโดย ทีมอีคอมเมิร์ซ, ฝ่ายขาย ทีมคลังสินค้า, ทีมปฏิบัติการ
การจัดการสต๊อก แสดงภาพรวมสต๊อกทุกช่องทาง แสดงข้อมูลสต๊อกในคลังแบบละเอียด
การรับออเดอร์ รับจาก Marketplace / POS / Website ไม่รองรับ
การหยิบสินค้า ส่งคำสั่งไปที่ WMS เพื่อดำเนินการ จัดการการหยิบสินค้าจริงในคลัง
ระบบขนส่ง เชื่อมกับขนส่ง, แจ้งเลขพัสดุ เตรียมพัสดุให้พร้อมจัดส่ง
แล้วธุรกิจควรใช้ระบบไหน?
คำตอบคือ ใช้ร่วมกันจะดีที่สุด
- OMS จะช่วยให้คุณบริหารออเดอร์ได้ครบทุกช่องทางอย่างมีประสิทธิภาพ
- WMS จะช่วยให้การทำงานภายในคลังมีความรวดเร็วและแม่นยำ
สรุป
- OMS เน้นจัดการคำสั่งซื้อของลูกค้า
- WMS เน้นบริหารจัดการการเคลื่อนไหวของสินค้าในคลัง
- ทั้งสองระบบมีบทบาทต่างกันแต่ต้องทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ
- การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจและความซับซ้อนของการดำเนินงาน
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620
อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com
ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17, 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!
https://www.bsgroupth.com/parcel-delivery-service-to-customers-home
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในโลกของ Data Visualization ถ้า "กราฟแท่ง" คือพระเอกแห่งการเปรียบเทียบ และ "กราฟเส้น" คือเจ้าแห่งการมองหาแนวโน้ม "กราฟวงกลม" หรือ Pie Chart ก็เปรียบเสมือนดาราเจ้าบทบาทที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำที่สุดบน Dashboard
20 ส.ค. 2025
หลายคนอาจมองว่า “Metaverse” เป็นแค่โลกเสมือนสำหรับเกม หรือการพบปะสังสรรค์ออนไลน์ แต่จริง ๆ แล้วโลจิสติกส์กำลังนำ Metaverse มาใช้เป็น เครื่องมือวางแผนและทดลองระบบก่อนเกิดขึ้นจริง
20 ส.ค. 2025
ในคลังสินค้าสมัยใหม่เต็มไปด้วยเครื่องจักร หุ่นยนต์ AMR/AGV และระบบอัตโนมัติที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ พลังงานความร้อน (Heat Energy) ที่ถูกปล่อยทิ้งออกมาโดยเปล่าประโยชน์
20 ส.ค. 2025