แชร์

โลจิสติกส์แบบ Shared Transport ลดการวิ่งรถเปล่า

ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 14 ก.ค. 2025
102 ผู้เข้าชม

โลจิสติกส์แบบ Shared Transport ลดการวิ่งรถเปล่า


ในระบบขนส่งทั่วไป
รถหลายคันมักวิ่ง เปล่า ทั้งขาไปหรือขากลับ
ซึ่งไม่ใช่แค่เปลืองน้ำมัน แต่ยังเปลืองต้นทุนสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก

วันนี้แนวคิด Shared Transport (การขนส่งแบบใช้ทรัพยากรร่วม)
กำลังกลายเป็นคำตอบใหม่ของธุรกิจโลจิสติกส์ยุคที่ต้อง เร็วถูกยั่งยืน


Shared Transport คืออะไร?

คือการ แชร์พื้นที่บรรทุกของรถขนส่ง
โดยการรวมพัสดุจากหลายธุรกิจ / หลายออเดอร์ มาจัดเส้นทางให้เหมาะสม
วิ่งในรอบเดียวกัน แทนที่จะวิ่งหลายรอบ หลายคัน


ตัวอย่างง่าย ๆ

รถกระบะ 1 คัน เดิมขนของบริษัท A แล้วขากลับว่าง
วันนี้ใช้ระบบ Shared พ่วงของบริษัท B ไปส่งระหว่างทาง
หรือ
ลูกค้า 3 รายในพื้นที่เดียวกัน สั่งของคนละเวลา
ระบบรวมออเดอร์จัดรอบให้รถ 1 คันเก็บของแล้วส่งครบภายในรอบเดียว

แล้วเทคโนโลยีเกี่ยวข้องยังไง?

 

ประโยชน์ที่ได้

ลดต้นทุนขนส่ง วิ่งน้อยลง แต่ส่งได้มากขึ้น
ลดการวิ่งรถเปล่า เพิ่ม โหลด ให้เต็มรอบ
ลดการปล่อยคาร์บอน ทุกกิโลเมตรมีค่า
สร้างรายได้เพิ่ม รถว่างคือโอกาสทำเงิน
เพิ่มความคุ้มค่าให้ลูกค้า ส่งของไวขึ้นแต่ราคาถูกลง

อะไรที่เคยเป็นปัญหา?

กลัวของปนกัน วันนี้มีระบบติดตาม/สแกนแยกชัดเจน
กลัวจัดรอบผิด AI ทำงานแทนคน ตรงกว่าแม่นกว่า
กลัวส่งช้า ระบบช่วยจัดลำดับ Drop-off ตามเวลา

ใครควรเริ่มก่อน?

ธุรกิจที่มีรถขนส่งของตัวเอง
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบหลายจุด
ธุรกิจ e-commerce / พัสดุที่มีหลายออเดอร์กระจาย
ธุรกิจส่งของที่มีขาไป-ขากลับว่างบ่อย

สรุป
Shared Transport คือแนวทางใหม่
ที่ทำให้ รถขนส่ง 1 คัน ส่งได้มากขึ้น ในต้นทุนที่น้อยลง
และยังดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ในยุคที่ใคร ๆ ก็อยาก คุ้ม และ เขียว
นี่คือโมเดลที่ธุรกิจขนส่งควรลองปรับใช้ทันที




บทความที่เกี่ยวข้อง
มือใหม่หัดขายออนไลน์: 5 ขั้นตอนเปลี่ยนความฝันให้เป็นร้านค้ายอดฮิต
การเริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าที่เคย ด้วยเครื่องมือและแพลตฟอร์มมากมายที่พร้อมสนับสนุน แต่การจะเปลี่ยนจาก "ร้านค้ามือใหม่" ไปสู่ "ร้านค้ายอดฮิต" ที่ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ ทั้งในส่วนของ "หน้าร้าน" ที่ลูกค้ามองเห็น และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ "ระบบหลังบ้าน" ที่แข็งแกร่ง
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
6 ก.ย. 2025
Bullet Chart: 'กราฟแท่งวัดผล' ที่ให้ข้อมูลครบกว่า แต่ประหยัดพื้นที่กว่า
เราอาจจะคุ้นเคยกับ "กราฟเกจวัด" (Gauge Chart) ที่หน้าตาเหมือนหน้าปัดรถยนต์ในการบอก Performance... แต่ถ้าคุณมี KPI ที่ต้องติดตามเยอะๆ และมีพื้นที่บน Dashboard จำกัดล่ะ? การใส่ Gauge Chart หลายๆ อันอาจทำให้ Dashboard ของคุณดูรกและแน่นเกินไป
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
6 ก.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ