คำนวณจุดคุ้มทุนของคลังสินค้า: แนวทางสำหรับเจ้าของธุรกิจ
อัพเดทล่าสุด: 10 ก.ค. 2025
63 ผู้เข้าชม
การตัดสินใจลงทุนในคลังสินค้า ไม่ว่าจะสร้างเองหรือเช่าใช้ เป็นการตัดสินใจที่มีต้นทุนสูง การรู้ "จุดคุ้มทุน" (Break-Even Point) จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันคือคำตอบว่า "เมื่อไรที่คลังของเราจะเริ่มทำกำไร?"
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจหลักการคำนวณจุดคุ้มทุนของคลังสินค้า พร้อมแนวทางใช้งานจริงสำหรับเจ้าของธุรกิจ
จุดคุ้มทุนคืออะไร?
จุดคุ้มทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่รายได้รวม = ต้นทุนรวม
พูดง่าย ๆ คือ "เริ่มไม่ขาดทุน" หลังจากนี้ทุกยอดขายคือกำไร
ในบริบทของคลังสินค้า จุดคุ้มทุนจะช่วยตอบคำถามเช่น:
สูตรพื้นฐาน:
จุดคุ้มทุน (หน่วย) = ต้นทุนคงที่ / (ราคาขายต่อหน่วย - ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย)
สำหรับคลังสินค้า ลองแปลงสูตรให้เข้ากับบริบทจริง:
สมมติว่า:
แปลว่า: ถ้าเดือนนั้นคุณมีคำสั่งซื้อเกิน 4,000 ออเดอร์ คลังเริ่มทำกำไร
ปรับใช้กับคลังของคุณอย่างไร?
1.รวบรวมข้อมูลจริงของคุณ
แยกต้นทุนคงที่และผันแปรให้ชัด
2.คำนวณจุดคุ้มทุนของตัวเอง
แล้วดูว่า "ยอดปัจจุบันเกินจุดนี้หรือยัง?"
3.วางแผนกำไร - ขาดทุนในอนาคต
หากยอดยังต่ำกว่า อาจต้องเพิ่มลูกค้า, เพิ่มค่าบริการ, หรือลดต้นทุน
เคล็ดลับเสริมสำหรับเจ้าของธุรกิจ
การรู้จุดคุ้มทุนของคลังสินค้า ไม่ใช่แค่ช่วยให้คุณรู้ว่า "คุ้มแล้วหรือยัง"
แต่ยังเป็นเครื่องมือช่วย วางแผน เพิ่มกำไร ลดความเสี่ยง ได้อย่างแม่นยำ
หากคุณกำลังลงทุนคลังสินค้า อย่าลืมเริ่มจากการคำนวณจุดคุ้มทุนก่อนเสมอ เพราะตัวเลขนี้คือ "ความจริงที่ธุรกิจต้องรู้"
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจหลักการคำนวณจุดคุ้มทุนของคลังสินค้า พร้อมแนวทางใช้งานจริงสำหรับเจ้าของธุรกิจ
จุดคุ้มทุนคืออะไร?
จุดคุ้มทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่รายได้รวม = ต้นทุนรวม
พูดง่าย ๆ คือ "เริ่มไม่ขาดทุน" หลังจากนี้ทุกยอดขายคือกำไร
ในบริบทของคลังสินค้า จุดคุ้มทุนจะช่วยตอบคำถามเช่น:
- ต้องมีจำนวนออเดอร์หรือการใช้งานเท่าไร ถึงจะคุ้มกับต้นทุนคลัง?
- ควรตั้งค่าเช่าคลังเท่าไหร่ต่อเดือน?
- คลังที่ใช้อยู่ คุ้มไหม หรือควรปรับแผน?
สูตรพื้นฐาน:
จุดคุ้มทุน (หน่วย) = ต้นทุนคงที่ / (ราคาขายต่อหน่วย - ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย)
สำหรับคลังสินค้า ลองแปลงสูตรให้เข้ากับบริบทจริง:
- ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) เช่น ค่าเช่าคลัง, เงินเดือนพนักงานประจำ, ค่าระบบคลัง
- ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) เช่น ค่ากล่อง, ค่าแพ็คสินค้า, ค่าขนส่งต่อคำสั่งซื้อ
- รายได้ต่อหน่วย (Revenue per Unit) เช่น ค่าบริการต่อคำสั่งซื้อ, ค่าบริการจัดเก็บรายเดือน
สมมติว่า:
- ค่าเช่าคลังและค่าพนักงาน = 100,000 บาท/เดือน
- ค่าบริการที่คิดกับลูกค้า = 40 บาท/ออเดอร์
- ต้นทุนต่อออเดอร์ (ผันแปร) = 15 บาท/ออเดอร์
แปลว่า: ถ้าเดือนนั้นคุณมีคำสั่งซื้อเกิน 4,000 ออเดอร์ คลังเริ่มทำกำไร
ปรับใช้กับคลังของคุณอย่างไร?
1.รวบรวมข้อมูลจริงของคุณ
แยกต้นทุนคงที่และผันแปรให้ชัด
2.คำนวณจุดคุ้มทุนของตัวเอง
แล้วดูว่า "ยอดปัจจุบันเกินจุดนี้หรือยัง?"
3.วางแผนกำไร - ขาดทุนในอนาคต
หากยอดยังต่ำกว่า อาจต้องเพิ่มลูกค้า, เพิ่มค่าบริการ, หรือลดต้นทุน
เคล็ดลับเสริมสำหรับเจ้าของธุรกิจ
- อย่าลืมต้นทุนแฝง เช่น ค่าซ่อมบำรุง, ค่าไฟ, ค่าความเสียหายจากของเสีย
- คำนวณแบบรายไตรมาส เพื่อดูแนวโน้มการเติบโต
- ใช้ Dashboard หรือ Excel Template ทำให้ติดตามจุดคุ้มทุนได้ตลอดเวลา
การรู้จุดคุ้มทุนของคลังสินค้า ไม่ใช่แค่ช่วยให้คุณรู้ว่า "คุ้มแล้วหรือยัง"
แต่ยังเป็นเครื่องมือช่วย วางแผน เพิ่มกำไร ลดความเสี่ยง ได้อย่างแม่นยำ
หากคุณกำลังลงทุนคลังสินค้า อย่าลืมเริ่มจากการคำนวณจุดคุ้มทุนก่อนเสมอ เพราะตัวเลขนี้คือ "ความจริงที่ธุรกิจต้องรู้"
บทความที่เกี่ยวข้อง
หลายบริษัทเริ่มหันมาใช้ระบบคลังสินค้าแบบ Just-in-Time (JIT) เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน แต่ระบบนี้ก็มีคำถามตามมาว่า… “มันคุ้มค่าจริงไหม
17 ก.ค. 2025
มากกว่าแค่ทำงานไว: องค์ความรู้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากแค่ไหน? | Blog
เราทุกคนต่างมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนถึงสามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นและก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่บางคนยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานกองโตในแต่ละวัน? คำตอบไม่ได้อยู่ที่การทำงานหนักขึ้น แต่อยู่ที่ "สินทรัพย์ที่มองไม่เห็น" นั่นคือ องค์ความรู้
16 ก.ค. 2025
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานไม่ใช่เพียงแค่การทำงานให้เร็วขึ้น แต่ต้องครอบคลุมถึงการทำงานที่ มีคุณภาพ ลดความผิดพลาด ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
16 ก.ค. 2025