แชร์

Fear & Greed Index: ตัวชี้วัดจิตวิทยานักลงทุนในตลาดคริปโต

Notify.png พี่ปี
อัพเดทล่าสุด: 1 เม.ย. 2025
90 ผู้เข้าชม

Fear & Greed Index: ตัวชี้วัดจิตวิทยานักลงทุนในตลาดคริปโต

Fear & Greed Index คืออะไร?
Fear & Greed Index (ดัชนีความกลัวและความโลภ) เป็นตัวชี้วัดที่ช่วยวิเคราะห์ อารมณ์ของนักลงทุนในตลาดคริปโต โดยวัดจากปัจจัยต่าง ๆ และแสดงผลเป็นค่าตั้งแต่ 0 (ความกลัวสูงสุด) ไปจนถึง 100 (ความโลภสูงสุด)

แนวคิดเบื้องหลังดัชนีนี้ คือ
เมื่อมี "ความกลัว" มากเกินไป (Extreme Fear) นักลงทุนมักตื่นตระหนกและขายเหรียญออกไปมากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจเป็นโอกาสซื้อ
เมื่อมี "ความโลภ" มากเกินไป (Extreme Greed) นักลงทุนมักเข้ามาเก็งกำไรจนราคาพุ่งสูงเกินจริง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของฟองสบู่

ระดับของ Fear & Greed Index
ดัชนีนี้มีช่วงคะแนน 0-100 แบ่งออกเป็น 5 ระดับ:

ปัจจัยที่ใช้คำนวณ Fear & Greed Index
Volatility (ความผันผวน) วัดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาล่าสุดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง
Market Momentum/Volume (โมเมนตัมตลาดและปริมาณการซื้อขาย) วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณการซื้อขาย
Social Media (กระแสในโซเชียลมีเดีย) นับจำนวนโพสต์, การแชร์, และคอมเมนต์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต
Bitcoin Dominance (อิทธิพลของ Bitcoin) ถ้า Bitcoin Dominance สูงขึ้น แปลว่านักลงทุนกำลังลดความเสี่ยงจาก Altcoins
Google Trends (แนวโน้มการค้นหาใน Google) ดูจำนวนการค้นหาคำว่า Bitcoin และ Crypto

ตัวอย่างการใช้งาน Fear & Greed Index ในการลงทุน
ซื้อเมื่อ Fear สูง: หากดัชนีอยู่ที่ระดับ Extreme Fear (0-24) อาจเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อ เพราะตลาดมักเกิด "Oversold" และราคามีแนวโน้มเด้งขึ้น
ขายเมื่อ Greed สูง: หากดัชนีอยู่ที่ระดับ Extreme Greed (75-100) อาจเป็นช่วงที่ราคาขึ้นสูงเกินไปและมีโอกาสปรับฐาน

ตัวอย่างจริง:
เดือนมีนาคม 2020 ดัชนีตกไปที่ Extreme Fear (10) เนื่องจากโควิด-19 ราคาบิตคอยน์ลดลงต่ำกว่า $4,000 แต่หลังจากนั้นกลับพุ่งขึ้นเกิน $60,000
เดือนพฤศจิกายน 2021 ดัชนีอยู่ที่ Extreme Greed (90+), ราคาบิตคอยน์แตะ $69,000 ก่อนจะเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่

สรุป
Fear & Greed Index เป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์จิตวิทยาตลาด แต่ไม่ควรใช้เป็นปัจจัยเดียวในการตัดสินใจลงทุน
Extreme Fear อาจเป็นโอกาสซื้อ ส่วน Extreme Greed อาจเป็นสัญญาณให้ระวังการปรับฐาน
ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเพื่อการลงทุนที่รอบคอบ

บทความจาก Chat GPT

ภาพประกอบจาก Chat GPT และ www.forbes.com

โดย พี่ปี


บทความที่เกี่ยวข้อง
ลดต้นทุนการจัดเก็บสินค้าอย่างไร? เทคนิคจากคลังสินค้าชั้นนำ
ในการบริหารจัดการคลังสินค้า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรของธุรกิจคือ “ต้นทุนการจัดเก็บสินค้า” ซึ่งหากจัดการไม่ดี ต้นทุนส่วนนี้อาจกลายเป็นภาระหนักโดยไม่จำเป็น วันนี้เราจะพาคุณมาดูเทคนิคจากคลังสินค้าชั้นนำที่ใช้ได้จริง เพื่อช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
30 เม.ย. 2025
ระบบ WMS (Warehouse Management System) คืออะไร และทำไมคุณควรใช้
ในยุคที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันด้วยความรวดเร็วและประสิทธิภาพ "การจัดการคลังสินค้า" กลายเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงาน โดยเฉพาะกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและโลจิสติกส์ หากคุณยังใช้การจัดการแบบดั้งเดิม เช่น การจดบันทึกลงกระดาษ หรือไฟล์ Excel อาจถึงเวลาที่ต้องพิจารณาใช้ ระบบ WMS (Warehouse Management System) แล้ว
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
30 เม.ย. 2025
5 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้าแบบมืออาชีพ
การจัดการคลังสินค้าเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจที่มีการจัดจำหน่ายหรือผลิตสินค้า หากคลังสินค้าถูกจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความรวดเร็ว และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการต่างๆ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 5 วิธีง่ายๆ แต่ได้ผลจริง ที่จะช่วยให้การบริหารคลังสินค้าของคุณเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
29 เม.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ