แชร์

ขั้นตอนทำลายสินค้าเสื่อมคุณภาพตามแนวทาง กรมสรรพากร

noimageauthor นักศึกษาฝึกงาน(คลัง)
อัพเดทล่าสุด: 1 ก.พ. 2025
489 ผู้เข้าชม
ในโลกธุรกิจที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการแข่งขันที่สูง การจัดการสินค้าคงคลังเป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจไม่สามารถมองข้ามได้ อย่างไรก็ตาม สินค้าบางรายการอาจเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานจนไม่สามารถจำหน่ายได้อีกต่อไป การทำลายสินค้าเสื่อมสภาพเป็นวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อจัดการสินค้าดังกล่าว และยังสามารถใช้เป็นช่องทางในการขอลดหย่อนภาษีได้ตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร แต่การทำลายสินค้าเสื่อมสภาพนั้นมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินการนั้นเป็นไปอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย
 
การทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ 
มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของบริษัท ลดความเสี่ยงจากการเก็บสินค้าที่หมดอายุ และช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้สินค้าที่ไม่ปลอดภัย
 
1.ลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
สินค้าที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคหากถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับการควบคุม ดังนั้น การทำลายสินค้าดังกล่าวจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงนี้
 
2.ป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
สินค้าเสื่อมสภาพบางประเภทอาจมีสารเคมีหรือวัตถุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม หากไม่ได้รับการทำลายอย่างถูกต้อง การทำลายสินค้าเสื่อมสภาพจึงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
 
3.ขอลดหย่อนภาษี
หนึ่งในประโยชน์สำคัญของการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพคือการสามารถขอลดหย่อนภาษีได้ หากธุรกิจดำเนินการตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร การทำลายสินค้าที่ได้รับการอนุมัติจะช่วยลดภาระภาษีของธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
 
แนวทางของ กรมสรรพากร
การทำลายสินค้าเสื่อมสภาพตามกฎหมายจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจของคุณได้รับประโยชน์จากการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพได้อย่างครบถ้วนและถูกต้องตามข้อกำหนด ดังนี้
 
1. ตรวจสอบและบันทึกรายละเอียดสินค้าเสื่อมสภาพ
ขั้นตอนแรกที่สำคัญคือการตรวจสอบสินค้าคงคลังที่เสื่อมสภาพและไม่สามารถนำกลับมาใช้หรือจำหน่ายได้อีก ตรวจสอบสินค้าทุกชิ้นว่ามีความเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานจริง โดยบันทึกรายละเอียดสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น ชื่อสินค้า ปริมาณ วันที่หมดอายุ และมูลค่าของสินค้าที่เสื่อมสภาพ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขออนุมัติการทำลายต่อไป
 
2. จัดทำหนังสือแจ้งการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ
เมื่อสินค้าถูกตรวจสอบและบันทึกเรียบร้อยแล้ว ธุรกิจจะต้องจัดทำหนังสือแจ้งกรมสรรพากรเพื่อขออนุมัติทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ โดยในหนังสือต้องระบุรายละเอียดของสินค้าที่จะทำลาย ประกอบด้วยชนิด ปริมาณ มูลค่า และสาเหตุของการเสื่อมสภาพ รวมถึงกำหนดวันที่และสถานที่ที่ตั้งใจจะทำการทำลาย
 
3. การตรวจสอบและอนุมัติจากกรมสรรพากร
เมื่อยื่นหนังสือขออนุมัติแล้ว กรมสรรพากรจะทำการตรวจสอบข้อมูล หากข้อมูลถูกต้องและเป็นไปตามข้อกำหนด กรมสรรพากรจะอนุมัติให้ธุรกิจทำการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพได้ ซึ่งการอนุมัตินี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจากเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อขอการลดหย่อนภาษี
 
4. การทำลายสินค้า
เมื่อได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากรแล้ว ธุรกิจสามารถดำเนินการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพได้ตามที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้ง โดยการทำลายสินค้าต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามวิธีที่กำหนด เช่น การเผา การฝังกลบ หรือวิธีการที่ไม่ทำให้สินค้าสามารถนำกลับมาใช้หรือจำหน่ายใหม่ได้

การทำลายสินค้าจะต้องมีตัวแทนจากกรมสรรพากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นพยานในการทำลาย เพื่อยืนยันว่าการทำลายเป็นไปตามกฎหมายและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสาธารณะ
 
5. การจัดทำรายงานการทำลาย
หลังจากการทำลายเสร็จสิ้น ธุรกิจจะต้องจัดทำรายงานการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ ซึ่งในรายงานจะต้องระบุรายละเอียดสินค้าที่ถูกทำลาย จำนวน มูลค่า และวิธีการทำลาย พร้อมทั้งแนบภาพถ่ายหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำลาย เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการขอการลดหย่อนภาษี
 
6. การยื่นเอกสารขอลดหย่อนภาษี
สุดท้าย ธุรกิจจะต้องยื่นรายงานการทำลายสินค้า พร้อมกับเอกสารประกอบอื่น ๆ เช่น หนังสืออนุมัติ ภาพถ่าย และรายงานการตรวจสอบสินค้าต่อกรมสรรพากร เพื่อขอลดหย่อนภาษี โดยขั้นตอนนี้จะช่วยให้ธุรกิจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ
 
สิ่งที่ควรระวังในการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ กรมสรรพากร
1.การทำลายสินค้าโดยไม่ได้รับอนุมัติ
หากธุรกิจทำการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพโดยไม่ได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากร การทำลายดังกล่าวอาจถือเป็นการทำลายทรัพย์สินโดยไม่ได้รับการยอมรับ ซึ่งจะไม่สามารถขอลดหย่อนภาษีได้

2.การทำลายที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
สินค้าบางประเภท เช่น สินค้าเคมี หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาจมีข้อกำหนดเฉพาะในการทำลาย ดังนั้นการปฏิบัติตามวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมายจะช่วยป้องกันปัญหาด้านกฎหมายและสิ่งแวดล้อม

3.การบันทึกข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน
การบันทึกข้อมูลสินค้าเสื่อมสภาพควรเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน เนื่องจากเอกสารนี้จะใช้เป็นหลักฐานในการขอการลดหย่อนภาษี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
BY : Jim
ที่มา : https://www.en-technology.com/revenue-department-2/

บทความที่เกี่ยวข้อง
E-Fulfillment ตัวช่วยธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่ จัดเก็บ แพ็ค ส่ง ครบจบในที่เดียว
ในยุคที่การซื้อขายออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ธุรกิจจำนวนมากต้องรับมือกับความท้าทายเรื่อง การจัดเก็บสินค้า, การแพ็คของ, และ การจัดส่งพัสดุ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
4 ก.ค. 2025
AI ช่วยลด พัสดุหาย ได้ยังไง?
เคยไหม? ส่งของแล้วลูกค้าบอก ยังไม่ได้รับ พอเช็กกลับไป ของหายระหว่างทาง ไม่รู้หายตอนไหน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนรับผิดชอบ นี่คือปัญหาใหญ่ในโลจิสติกส์และ AI กำลังกลายเป็น ผู้ช่วยสืบสวน ที่แม่นยำกว่าคนหลายเท่า
ออกแบบโลโก้__5_.png BANKKUNG
4 ก.ค. 2025
เปลี่ยนพนักงานหลังบ้านเป็น ‘ซูเปอร์ทีม’ ด้วยระบบแฟรนไชส์ขนส่ง
เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่ง ไม่ได้มีแค่โลโก้หรือรถที่วิ่งไปทั่วเมือง แต่ยังมาจาก “ทีมหลังบ้าน” ที่แข็งแกร่ง ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ และเติบโตไปพร้อมกับระบบ วันนี้เราจะพาไปดูว่า ระบบแฟรนไชส์ขนส่งที่ดี ช่วยยกระดับทีมงานธรรมดาให้กลายเป็น “ซูเปอร์ทีม” ได้อย่างไร
ร่วมมือ.jpg Contact Center
4 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ