ระบบ E-POD (Electronic Proof of Delivery) คืออะไร?
อัพเดทล่าสุด: 29 ม.ค. 2025
1812 ผู้เข้าชม
คุณสมบัติหลักของระบบ E-POD
1.บันทึกข้อมูลการส่งมอบแบบเรียลไทม์
- ระบบช่วยให้ผู้ส่งและผู้รับสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ทันที
2.ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (E-Signature)
- ผู้รับสามารถลงลายเซ็นบนอุปกรณ์พกพาหรือแท็บเล็ตของผู้ส่งของได้ทันที
3.ถ่ายภาพหลักฐานการส่งมอบ
- สามารถแนบรูปภาพสินค้า ณ จุดส่งมอบเพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติม
4.GPS Tracking
- ตรวจสอบตำแหน่งที่แน่นอนของพนักงานส่งของขณะส่งสินค้า
5.QR Code / Barcode Scanning
- ใช้สแกนรหัสสินค้าเพื่อลดข้อผิดพลาดในการส่งมอบ
6.การแจ้งเตือนและรายงานอัตโนมัติ
- ส่งอีเมลหรือ SMS แจ้งเตือนการส่งมอบไปยังลูกค้า
7.บันทึกปัญหาการส่งมอบ
- หากเกิดปัญหา เช่น ไม่มีผู้รับสินค้า สามารถบันทึกเหตุผลลงในระบบเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ประโยชน์ของระบบ E-POD
- ลดการใช้เอกสารกระดาษ (Paperless)
- ป้องกันข้อพิพาทและความผิดพลาดในการส่งมอบ
- เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการขนส่งและลดต้นทุน
- สร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ
- รองรับการเชื่อมต่อกับระบบ ERP หรือ WMS
ใครบ้างที่ควรใช้ระบบ E-POD?
- ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์
- ผู้ให้บริการเดลิเวอรี่ (Food Delivery, Courier)
- ธุรกิจค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ
- ผู้ผลิตและซัพพลายเชน
ที่มา: Chat Gpt
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
ถ้าพูดถึง “โดรนส่งพัสดุ” ภาพที่หลายคนคงนึกออกคือ เสียง วี๊นนนนน ดังลั่นเหมือนผึ้งยักษ์บินผ่านบ้าน ซึ่งอาจจะไม่ค่อยเหมาะถ้าต้องส่งของตอนกลางคืน หรือในพื้นที่ชุมชนเงียบสงบ
แต่ตอนนี้ นักพัฒนาได้สร้าง “Silent Delivery Drone” หรือโดรนไร้เสียง ที่บินได้แทบจะเงียบสนิท
14 ส.ค. 2025
แทนที่คุณจะเห็นพนักงานหยิบสินค้าด้วยมือ คุณจะเห็น “ลำแสงเลเซอร์” กวาดไปมาบนพัสดุ แล้วสินค้าก็ถูกหยิบขึ้นอย่างแม่นยำราวกับเวทมนตร์
14 ส.ค. 2025
นี่คือที่มาของเทคโนโลยี Green Light Freight Corridor หรือที่หลายคนเรียกว่า “ขนส่งแบบไม่ใช้ไฟแดง” ซึ่งผสมผสาน ระบบ AI จราจรอัจฉริยะ + การสื่อสารระหว่างรถกับโครงสร้างพื้นฐาน (V2I: Vehicle-to-Infrastructure) เพื่อให้รถบรรทุกสามารถวิ่งผ่านสัญญาณไฟได้โดยไม่ต้องหยุดแม้แต่ครั้งเดียวตลอดเส้นทาง
14 ส.ค. 2025