แชร์

รู้จักธุรกิจแบบ Direct-to-Customer (D2C)

noimageauthor นักศึกษาฝึกงาน(คลัง)
อัพเดทล่าสุด: 22 ม.ค. 2025
592 ผู้เข้าชม
อะไรคือธุรกิจแบบ D2C
จากการทำธุรกิจแบบดั้งเดิมในอดีตที่มีการผลิตสินค้าจากโรงงานที่ประกอบไปด้วยขั้นตอนต่างๅที่ผ่านทั้งผู้ผลิต (Supplier) โรงงานผลิต (Manufacturer) ผู้ค้าส่ง (Wholesaler) ตัวแทนจำหน่าย (Distributor) และผู้ค้าปลีก (Retailer) จนมาถึงลูกค้าซึ่งใช้เวลาและกระบวนการทั้งหมดค่อนข้างนานและทำผ่านหลายขั้นตอน ผู้ผลิตก็ได้ปรับตัวเองไปสู่การติดต่อซื้อขายตรงกับลูกค้า ตัดปัญหาด้านตัวกลางออกไปและยังทำให้สื่อสารกับลูกค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 
Direct-to-Customer (D2C) เป็นรูปแบบธุรกิจที่ผู้ผลิตสามารถส่งสินค้าตรงไปยังลูกค้าโดยไม่ต้องผ่านตัวกลางหรือขั้นตอนที่มากหมายเหมือนในอดีตที่เคยทำกันมา ซึ่งเป็นการปรับตัวของผู้ผลิตให้เค้ามามีบทบาทในการติดต่อกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น และมันก็เป็นผลพวงมาจากโลกดิจิทัลและโซเชียลมีเดียที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับธุรกิจรูปแบบนี้
แต่หากเรามาลองสังเกตดูดีๆเราจะยังไม่ค่อยเห็นผู้ผลิตเข้ามาเล่นในธุรกิจรูปแบบนี้เท่าที่ควร เพราะสาเหตุเนื่องมาจากผู้ผลิตนั้นมักจะขายสินค้าทีละมากๆ (Bulk Sales) ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้านั้นอาจจะไม่ได้ต้องการสินค้าเยอะมากมายขนาดนั้น ผู้ผลิตเองก็ต้องปรับมาใช้วิธีการผสมผสานระหว่างการผลิตสินค้าปริมาณมากๆร่วมกับการผลิตสินค้าแบบตามความต้องการ (On-Demand) มากขึ้น โดยใช้วิธีการเปิดขายสินค้าบน E-Marketplace ต่างๆจากผู้ผลิตโดยตรง เช่น การขายผ่าน Shopee, Lazada, Amazon หรือผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆและสำหรับธุรกิจแบบ D2C นั้นจะมีลักษณะดังนี้
 
-ธุรกิจจะเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไร้ซึ่งกำแพงกั้นอีกต่อไป
-มีความยืดหยุ่นด้านเงินทุนสามารถแบ่งให้เช่าบางส่วนของกระบวนการดำเนินงานได้
-ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอย่างมาก
-จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ
-ปราศจากตัวกลางซึ่งสามารถติดต่อลูกค้าได้โดยตรง
-มีความเข้าใจในความสำคัญของการสื่อสารตรงกับลูกค้าและการจำเป็นต้องนำระบบ CRM มาปรับใช้ให้เหมาะสม
-รูปแบบโครงสร้างราคายืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับแบบเก่า
-เห็นภาพในการนำเอา Digital Marketing มาใช้มากขึ้น
 
ประโยชน์ของการทำธุรกิจแบบ D2C
1. หมดปัญหาเรื่องคนกลาง
ในการทำธุรกิจเวลาเกิดปัญหาด้านต้นทุนหรือรายจ่ายที่มากขึ้น ก็ต้องหันมามองด้านการบริหารจัดการกับสิ่งเหล่านี้เป็นพิเศษซึ่งมันมีผลต่อการสร้างกำไรของธุรกิจ การทำธุรกิจแบบ D2C อาจช่วยในการลดต้นทุนจากการมีคนกลางรวมถึงการที่ไม่ต้อง Mark-up ราคาให้สูงขึ้นผ่านคนกลาง ไม่ต้องคิดคำนวณรายได้และรายจ่ายที่ซับซ้อนวุ่นวาย ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถขายตรงกับลูกค้าได้ในราคาที่มีความเหมาะสมมากขึ้นและกำไรที่เพิ่มขึ้น
 
2. เชื่อมโยงความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น
ปกติผู้ผลิตแทบจะไม่ได้ติดต่อกับลูกค้าโดยตรงเพราะลูกค้าจะติดต่อผ่านตัวกลาง แต่การปรับธุรกิจมาเป็นแบบ D2C จะช่วยให้ผู้ผลิตเองสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตรู้จักความต้องการของลูกค้ารวมไปถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้ และนำไปปรับใช้หรือผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการได้ในอนาคต 
 
3. สร้าง Omni-Channel Experience
ผู้ผลิตจะได้ทำทุกอย่างทุกขั้นตอนตั้งแต่การผลิตไปจนถึงกิจกรรมทางการตลาด ผ่านช่องทางต่างๆไปยังการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งนอกจากจะสร้างประสบการณ์ให้กับตัวผู้ผลิตเองแล้วก็ยังต้องพัฒนาปรับปรุงช่องทางต่างๆทั้งออฟไลน์และออนไลน์กับลูกค้าด้วยเช่นกัน
 
4. สามารถควบคุมทุกๆอย่างได้เป็นอย่างดี
นอกเหนือจากคุณภาพในการผลิตสินค้าแล้วคุณภาพด้านอื่นๆ เช่น การขนส่ง การให้บริการ การตอบคำถามลูกค้า กระบวนการซื้อขาย แต่ด้วยการที่ผู้ผลิตไม่สามารถควบคุมขั้นตอนอื่นๆทางการขายได้และอาจเกิดการที่ตัวกลางทำให้แบรนด์หรือสินค้านั้นเสียชื่อเสียงในด้านใดด้านหนึ่ง แต่เมื่อปรับเป็นธุรกิจแบบ D2C แล้วก็จะทำให้ปัญหาที่เราไม่สามารถควบคุมได้นั้นหมดไป จากการที่ผู้ผลิตเองมีการปรับกระบวนการภายในให้สอดรับกับธุรกิจในการติดต่อกับลูกค้าได้โดยตรงควบคุมทุกอย่างได้โดยตรงนั่นเอง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
BY : Jim
ที่มา : https://www.popticles.com/business/what-is-direct-to-customer-d2c-business/

บทความที่เกี่ยวข้อง
เมื่อทีมขายและการตลาดไม่ใช่ "ไม้เบื่อไม้เมา" แต่ต้องเป็น "เนื้อเดียวกัน" เพื่อเป้าหมายรายได้
เลิกเป็นไม้เบื่อไม้เมา! เมื่อทีม Sales & Marketing ผนึกกำลังเป็น "เนื้อเดียวกัน" เพื่อเป้าหมายรายได้
ร่วมมือ.jpg Contact Center
24 ธ.ค. 2025
"ส่องเทรนด์โลจิสติกส์ปี 2026: Green Logistics และรถ EV จะมาเปลี่ยนโลกขนส่งยังไง?"
โลกเปลี่ยน ธุรกิจต้องปรับ! เจาะลึกเทรนด์ Green Logistics ปี 2026 ทำไมรถบรรทุก EV และการลดคาร์บอนถึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ SME และโรงงานต้องรู้ เตรียมพร้อมก่อนใครกับ BS Express
ผึ้ง เด็กฝึกงาน
24 ธ.ค. 2025
ธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise): ส่งวัตถุดิบให้สาขาทั่วประเทศยังไงให้มาตรฐานเดียวกันเป๊ะ?
สาขาเชียงใหม่ "ปัง" แต่สาขาภูเก็ต "พัง"...เพราะอะไร? หัวใจของธุรกิจแฟรนไชส์ ไม่ใช่แค่การมีป้ายชื่อร้านเหมือนกัน แต่คือ "มาตรฐาน" (Standardization) ลูกค้าคาดหวังว่า ไม่ว่าจะเดินเข้าสาขาไหน รสชาติกาแฟต้องเหมือนเดิม ความกรอบของไก่ทอดต้องเท่าเดิม และบรรจุภัณฑ์ต้องดูดีไม่มีรอยบุบ แต่ปัญหาโลกแตกที่เจ้าของแฟรนไชส์ต้องเจอคือ "การกระจายสินค้า" (Distribution) ส่งของไปไม่ทัน สาขาของขาดต้องไปซื้อวัตถุดิบตลาดนัดมาแก้ขัด (รสชาติเพี้ยนทันที), ส่งแล้วของแตกเสียหายระหว่างทาง, หรือค่าส่งแพงจนสาขาบ่นอุบ... ปัญหาเหล่านี้คือ "ระเบิดเวลา" ที่ทำลายชื่อเสียงแบรนด์ที่คุณสร้างมากับมือ วันนี้ BS Express จะพาคุณไปดูเบื้องหลังการจัดการระบบขนส่ง (Logistics) ที่แฟรนไชส์เจ้าดังใช้ เพื่อคุมมาตรฐานให้ "เป๊ะ" ทุกสาขาทั่วไทย!
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
24 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ