12 วิธีใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์ รูดจ่ายได้คุ้มค่า ไม่สร้างหนี้เสีย
อัพเดทล่าสุด: 17 ธ.ค. 2024
267 ผู้เข้าชม
บัตรเครดิตเป็นตัวช่วยทางการเงินที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนมีไว้ใช้งานในยามจำเป็น เพราะนอกจากจะใช้จ่ายได้สะดวกสบายแล้ว ยังมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่เจ้าของบัตร แต่สำหรับ First Jobber ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้บัตรเครดิตมาก่อนอาจกังวลว่าจะสร้างหนี้สินโดยไม่จำเป็น ซึ่งแท้จริงแล้วหากมีวิธีใช้บัตรเครดิตอย่างถูกต้องก็จะเพิ่มความคุ้มค่าทางการใช้จ่ายได้มากยิ่งขึ้น
1. ศึกษาข้อมูลให้ดี ก่อนสมัครบัตรเครดิตใบแรก
บัตรเครดิต คือ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้เจ้าของบัตรนำไปใช้จ่ายแทนเงินสด แล้วค่อยชำระคืนเมื่อถึงระยะเวลาครบกำหนด แต่หากเกินระยะเวลาก็จะถูกคิดดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของธนาคารหรือสถาบันการเงินของบัตรนั้นๆ ดังนั้น ก่อนสมัครบัตรเครดิตสักใบและมองหาวิธีการใช้บัตรเครดิตครั้งแรก จึงควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดการใช้งาน, ค่าธรรมเนียม, วันครบกำหนดชำระ และอื่นๆ รวมถึงเปรียบเทียบบัตรเครดิตแต่ละประเภทว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเองมากที่สุด
2. เช็กให้แน่ใจว่าจ่ายค่าบัตรเครดิตต่อเดือนได้
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญก่อนเลือกสมัครบัตรเครดิตคือ เช็กให้แน่ใจว่าตนเองมีความสามารถในการจ่ายบัตรเครดิตต่อเดือนหรือไม่ โดยประเมินจากค่าใช้จ่ายในอดีตจนถึงปัจจุบันว่ามีรายรับและรายจ่ายอะไรบ้างในแต่ละเดือน หากต้องชำระค่าบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมาจะใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนนั้นไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินจนส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันนั่นเอง
3. เลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับตนเองถือเป็นวิธีเริ่มต้นในการใช้บัตรเครดิตให้คุ้ม เนื่องจากบัตรแต่ละประเภทจะมอบสิทธิประโยชน์แตกต่างกันไป เช่น บัตรเครดิตสายท่องเที่ยวจะมอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษเมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินหรือจองโรงแรมที่ร่วมรายการกับบัตรเครดิต ในขณะที่บัตรเครดิตสะสมแต้มหรือบัตรเครดิตเงินคืน (Cash Back) จะเหมาะกับสายชอปปิงที่ใช้จ่ายเป็นประจำกับร้านค้าที่ร่วมรายการ ดังนั้น ยิ่งเลือกบัตรที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์มากเท่าไร ก็จะช่วยให้ใช้จ่ายได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
4. ตรวจสอบค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต
นอกจากการเลือกบัตรเครดิตที่ใช่แล้ว อีกหนึ่งวิธีการใช้บัตรเครดิตที่ถูกต้องคือ ต้องไม่ลืมเช็กค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตด้วย เนื่องจากแต่ละธนาคารคิดค่าธรรมเนียมแตกต่างกันออกไป โดยมีทั้งบัตรเครดิตไม่คิดค่าธรรมเนียม คิดค่าธรรมเนียมแบบคงที่รายปี ไปจนถึงยกเว้นค่าธรรมเนียมหากใช้จ่ายถึงยอดขั้นต่ำที่กำหนดไว้ หากใครไม่มั่นใจว่าสามารถจ่ายค่าธรรมเนียมได้อย่างสม่ำเสมอ ก็แนะนำให้สมัครบัตรเครดิตที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม
5. กำหนดวงเงินก่อนใช้บัตรเครดิต
เมื่อสมัครบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว หากใครกังวลว่าจะใช้จ่ายเกินตัวจนสร้างหนี้บัตรเครดิตในภายหลัง แนะนำให้การกำหนดวงเงินสูงสุดก่อนใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เพื่อจำกัดยอดการใช้จ่ายในแต่ละวัน ซึ่งนอกจากเป็นวิธีการใช้บัตรเครดิตอย่างปลอดภัย ห่างไกลหนี้แล้ว วิธีนี้ยังช่วยสร้างวินัยทางการเงิน ให้บริหารเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
บัตรเครดิต คือ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้เจ้าของบัตรนำไปใช้จ่ายแทนเงินสด แล้วค่อยชำระคืนเมื่อถึงระยะเวลาครบกำหนด แต่หากเกินระยะเวลาก็จะถูกคิดดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของธนาคารหรือสถาบันการเงินของบัตรนั้นๆ ดังนั้น ก่อนสมัครบัตรเครดิตสักใบและมองหาวิธีการใช้บัตรเครดิตครั้งแรก จึงควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดการใช้งาน, ค่าธรรมเนียม, วันครบกำหนดชำระ และอื่นๆ รวมถึงเปรียบเทียบบัตรเครดิตแต่ละประเภทว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเองมากที่สุด
2. เช็กให้แน่ใจว่าจ่ายค่าบัตรเครดิตต่อเดือนได้
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญก่อนเลือกสมัครบัตรเครดิตคือ เช็กให้แน่ใจว่าตนเองมีความสามารถในการจ่ายบัตรเครดิตต่อเดือนหรือไม่ โดยประเมินจากค่าใช้จ่ายในอดีตจนถึงปัจจุบันว่ามีรายรับและรายจ่ายอะไรบ้างในแต่ละเดือน หากต้องชำระค่าบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมาจะใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนนั้นไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินจนส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันนั่นเอง
3. เลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับตนเองถือเป็นวิธีเริ่มต้นในการใช้บัตรเครดิตให้คุ้ม เนื่องจากบัตรแต่ละประเภทจะมอบสิทธิประโยชน์แตกต่างกันไป เช่น บัตรเครดิตสายท่องเที่ยวจะมอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษเมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินหรือจองโรงแรมที่ร่วมรายการกับบัตรเครดิต ในขณะที่บัตรเครดิตสะสมแต้มหรือบัตรเครดิตเงินคืน (Cash Back) จะเหมาะกับสายชอปปิงที่ใช้จ่ายเป็นประจำกับร้านค้าที่ร่วมรายการ ดังนั้น ยิ่งเลือกบัตรที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์มากเท่าไร ก็จะช่วยให้ใช้จ่ายได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
4. ตรวจสอบค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต
นอกจากการเลือกบัตรเครดิตที่ใช่แล้ว อีกหนึ่งวิธีการใช้บัตรเครดิตที่ถูกต้องคือ ต้องไม่ลืมเช็กค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตด้วย เนื่องจากแต่ละธนาคารคิดค่าธรรมเนียมแตกต่างกันออกไป โดยมีทั้งบัตรเครดิตไม่คิดค่าธรรมเนียม คิดค่าธรรมเนียมแบบคงที่รายปี ไปจนถึงยกเว้นค่าธรรมเนียมหากใช้จ่ายถึงยอดขั้นต่ำที่กำหนดไว้ หากใครไม่มั่นใจว่าสามารถจ่ายค่าธรรมเนียมได้อย่างสม่ำเสมอ ก็แนะนำให้สมัครบัตรเครดิตที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม
5. กำหนดวงเงินก่อนใช้บัตรเครดิต
เมื่อสมัครบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว หากใครกังวลว่าจะใช้จ่ายเกินตัวจนสร้างหนี้บัตรเครดิตในภายหลัง แนะนำให้การกำหนดวงเงินสูงสุดก่อนใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เพื่อจำกัดยอดการใช้จ่ายในแต่ละวัน ซึ่งนอกจากเป็นวิธีการใช้บัตรเครดิตอย่างปลอดภัย ห่างไกลหนี้แล้ว วิธีนี้ยังช่วยสร้างวินัยทางการเงิน ให้บริหารเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
6. เช็กวันครบกำหนดชำระค่าบัตรเครดิต
การเช็กวันครบกำหนดชำระค่าบัตรเครดิตเป็นอีกหนึ่งวิธีการใช้งานบัตรเครดิตอย่างปลอดภัย เพราะบัตรเครดิตแต่ละใบมีวันครบกำหนดชำระที่แตกต่างกัน หากชำระหลังวันครบกำหนดจะต้องจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตให้สถาบันการเงิน ดังนั้น เจ้าของบัตรควรศึกษาวันครบกำหนดชำระไว้ให้ดี จะได้ไม่พลาดการชำระบัตรให้ตรงเวลาจนก่อให้เกิดปัญหาการจ่ายค่าบัตรล่าช้า และสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างเป็นระบบ
7. ชำระบิลบัตรเครดิตเต็มจำนวน
วิธีบริหารการใช้บัตรเครดิตที่เจ้าของบัตรต้องให้ความสำคัญหากไม่อยากเป็นหนี้ คือการชำระบิลเต็มจำนวน และหลีกเลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตหากไม่จำเป็น เพราะยอดตกค้างจากการชำระขั้นต่ำจะถูกนำไปคิดดอกเบี้ยทบต้นกับยอดที่ยังไม่ชำระ ส่งผลให้ดอกเบี้ยบัตรเครดิตในเดือนถัดไปเพิ่มมากขึ้น หากบ่อยเข้าก็อาจกลายเป็นหนี้ก้อนโตจนชำระไม่ไหว
8. ชำระตรงเวลาตามวันกำหนดชำระ
นอกจากการชำระบิลเต็มจำนวนแล้ว การจ่ายค่าบัตรเครดิตตรงเวลาตามวันกำหนดชำระก็เป็นเทคนิคใช้บัตรเครดิตที่สำคัญเช่นกัน เพราะหากชำระไม่ตรงเวลา นอกจากมีค่าดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมในการติดตามทวงถามหนี้อีกด้วย ดังนั้น แนะนำให้ตั้งเตือนไว้ทุกๆ เดือน หรือเลือกชำระระบิลแบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันปัญหาหนี้ที่อาจตามมาจากการชำระบัตรเครดิตล่าช้าได้
9. ใช้บัตรเครดิตรูดของที่จำเป็นเท่านั้น
วิธีใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้าหรือของต่างๆ ที่ถูกต้องคือการใช้บัตรรูดเฉพาะของที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น เนื่องจากบัตรเครดิตมีวิธีใช้งานที่สะดวกสบาย รูดสินค้าก่อนได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินสดทันที หลายคนที่เริ่มต้นใช้บัตรจึงมักมีพฤติกรรมใช้จ่ายเกินตัวจนอาจเป็นหนี้เพราะจ่ายดอกเบี้ยไม่ไหว ก่อนใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจึงควรวางแผนให้ดีและเลือกซื้อเฉพาะของจำเป็นเท่านั้น
10. ใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้า 0%
หนึ่งในเทคนิควิธีรูดใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่าที่หลายคนคุ้นเคยกันดีคือการใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้า 0% บัตรเครดิตหลายใบมักมีโปรโมชันผ่อนชำระสินค้า 0% ตามระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด สามารถเลือกผ่อนได้นานขึ้นโดยไม่เสียดอกเบี้ย ซึ่งนอกจากช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเงินก้อนในคราวเดียวแล้ว ยังมีเงินเหลือใช้ต่อเดือนเพิ่มขึ้น รวมถึงบริหารจัดการเงินได้ง่ายขึ้นด้วย
11. ใช้สิทธิพิเศษของบัตรเครดิตให้คุ้มค่า
บัตรเครดิตแต่ละใบมักมาพร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการให้คะแนนสะสมหรือมอบเครดิตเงินคืน (Cash Back) จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ซึ่งนำไปแลกเป็นส่วนลด, รางวัล, บัตรกำนัล และอื่นๆ กับร้านค้าที่ร่วมรายการได้ ใครกำลังมองหาวิธีรูดซื้อของผ่านบัตรเครดิตให้คุ้มค่าจึงควรตรวจสอบโปรโมชันก่อน
เสมอ เพื่อจะได้ไม่พลาดสิทธิประโยชน์จากโปรโมชันดีๆ ที่ธนาคารเจ้าของบัตรจัดขึ้น
12. ไม่กดเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้โดยไม่จำเป็น
แม้ว่าบัตรเครดิตจะมีอีกหนึ่งวิธีใช้งานอย่างการกดเงินสดออกมาได้ แต่หากใครไม่อยากเพิ่มโอกาสเป็นหนี้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกดเงินสดโดยไม่จำเป็น เพราะการกดเงินสดจากบัตรเครดิตต้องเสียค่าธรรมเนียมการเบิกถอน 3% ของเงินที่เบิกออกมา ทั้งยังมีภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% ที่สำคัญการกดเงินสดจากบัตรเครดิตยังไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย เท่ากับว่าเจ้าของบัตรต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารนับตั้งแต่วันที่ทำธุรกรรมเบิกถอนเงินด้วย
7. ชำระบิลบัตรเครดิตเต็มจำนวน
วิธีบริหารการใช้บัตรเครดิตที่เจ้าของบัตรต้องให้ความสำคัญหากไม่อยากเป็นหนี้ คือการชำระบิลเต็มจำนวน และหลีกเลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตหากไม่จำเป็น เพราะยอดตกค้างจากการชำระขั้นต่ำจะถูกนำไปคิดดอกเบี้ยทบต้นกับยอดที่ยังไม่ชำระ ส่งผลให้ดอกเบี้ยบัตรเครดิตในเดือนถัดไปเพิ่มมากขึ้น หากบ่อยเข้าก็อาจกลายเป็นหนี้ก้อนโตจนชำระไม่ไหว
8. ชำระตรงเวลาตามวันกำหนดชำระ
นอกจากการชำระบิลเต็มจำนวนแล้ว การจ่ายค่าบัตรเครดิตตรงเวลาตามวันกำหนดชำระก็เป็นเทคนิคใช้บัตรเครดิตที่สำคัญเช่นกัน เพราะหากชำระไม่ตรงเวลา นอกจากมีค่าดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมในการติดตามทวงถามหนี้อีกด้วย ดังนั้น แนะนำให้ตั้งเตือนไว้ทุกๆ เดือน หรือเลือกชำระระบิลแบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันปัญหาหนี้ที่อาจตามมาจากการชำระบัตรเครดิตล่าช้าได้
9. ใช้บัตรเครดิตรูดของที่จำเป็นเท่านั้น
วิธีใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้าหรือของต่างๆ ที่ถูกต้องคือการใช้บัตรรูดเฉพาะของที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น เนื่องจากบัตรเครดิตมีวิธีใช้งานที่สะดวกสบาย รูดสินค้าก่อนได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินสดทันที หลายคนที่เริ่มต้นใช้บัตรจึงมักมีพฤติกรรมใช้จ่ายเกินตัวจนอาจเป็นหนี้เพราะจ่ายดอกเบี้ยไม่ไหว ก่อนใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจึงควรวางแผนให้ดีและเลือกซื้อเฉพาะของจำเป็นเท่านั้น
10. ใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้า 0%
หนึ่งในเทคนิควิธีรูดใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่าที่หลายคนคุ้นเคยกันดีคือการใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้า 0% บัตรเครดิตหลายใบมักมีโปรโมชันผ่อนชำระสินค้า 0% ตามระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด สามารถเลือกผ่อนได้นานขึ้นโดยไม่เสียดอกเบี้ย ซึ่งนอกจากช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเงินก้อนในคราวเดียวแล้ว ยังมีเงินเหลือใช้ต่อเดือนเพิ่มขึ้น รวมถึงบริหารจัดการเงินได้ง่ายขึ้นด้วย
11. ใช้สิทธิพิเศษของบัตรเครดิตให้คุ้มค่า
บัตรเครดิตแต่ละใบมักมาพร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการให้คะแนนสะสมหรือมอบเครดิตเงินคืน (Cash Back) จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ซึ่งนำไปแลกเป็นส่วนลด, รางวัล, บัตรกำนัล และอื่นๆ กับร้านค้าที่ร่วมรายการได้ ใครกำลังมองหาวิธีรูดซื้อของผ่านบัตรเครดิตให้คุ้มค่าจึงควรตรวจสอบโปรโมชันก่อน
เสมอ เพื่อจะได้ไม่พลาดสิทธิประโยชน์จากโปรโมชันดีๆ ที่ธนาคารเจ้าของบัตรจัดขึ้น
12. ไม่กดเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้โดยไม่จำเป็น
แม้ว่าบัตรเครดิตจะมีอีกหนึ่งวิธีใช้งานอย่างการกดเงินสดออกมาได้ แต่หากใครไม่อยากเพิ่มโอกาสเป็นหนี้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกดเงินสดโดยไม่จำเป็น เพราะการกดเงินสดจากบัตรเครดิตต้องเสียค่าธรรมเนียมการเบิกถอน 3% ของเงินที่เบิกออกมา ทั้งยังมีภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% ที่สำคัญการกดเงินสดจากบัตรเครดิตยังไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย เท่ากับว่าเจ้าของบัตรต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารนับตั้งแต่วันที่ทำธุรกรรมเบิกถอนเงินด้วย
BY : Jim
ที่มา : https://makebykbank.kbtg.tech/articles/how-to-use-credit-card
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในยุคที่เทคโนโลยีและ AI เข้ามามีบทบาทแทบทุกวงการ "คลังสินค้าอัตโนมัติ" หรือ Automated Warehouse ก็กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในแวดวงโลจิสติกส์
18 มิ.ย. 2025
“Smart Warehouse” หรือคลังสินค้าอัจฉริยะ จึงกลายเป็นทางออกที่หลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญ เพราะช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ
18 มิ.ย. 2025
การขยายสาขาแฟรนไชส์ขนส่ง ไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวน แต่คือ “คุณภาพของทำเล” และ “ความคุ้มค่าของการลงทุน” ซึ่งการตัดสินใจพลาดแม้เพียงนิดเดียว อาจทำให้เสียเวลา เสียเงิน และเสียโอกาสทองในการเติบโต แต่ในยุคที่ AI อย่าง ChatGPT เข้ามาช่วยวางแผนธุรกิจได้อย่างแม่นยำ การขยายสาขาแบบมืออาชีพไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
19 มิ.ย. 2025