แชร์

DMAIC แตกต่างจาก Lean อย่างไร ?

อัพเดทล่าสุด: 4 พ.ย. 2024
899 ผู้เข้าชม

DMAIC และ Lean: สองเครื่องมือที่ทรงพลังในการปรับปรุงกระบวนการ

    ทั้ง DMAIC (Define, Measure, Analyze, Improve, Control) และ Lean เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุน และเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า แต่ทั้งสองมีจุดมุ่งหมายและวิธีการที่แตกต่างกัน ดังนี้

DMAIC (Define, Measure, Analyze, Improve, Control)

  • จุดมุ่งหมาย: มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเฉพาะเจาะจง โดยใช้ข้อมูลเป็นหลักในการวิเคราะห์และหาสาเหตุของปัญหา เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงที่เป็นรูปธรรม
  • ขั้นตอน: มีขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นระบบ โดยเริ่มจากการกำหนดปัญหา วัดผล วิเคราะห์สาเหตุ ปรับปรุง และควบคุมผลลัพธ์
  • เครื่องมือ: ใช้เครื่องมือทางสถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น แผนภูมิควบคุม ไดอะแกรมอิชิคาว่า การทดลองทางสถิติ
  • ผลลัพธ์: เน้นการลดความแปรปรวนของกระบวนการ และเพิ่มความสอดคล้องกับข้อกำหนด

Lean

  • จุดมุ่งหมาย: มุ่งเน้นไปที่การกำจัดของเสียทุกประเภทในกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าสูงสุด
  • หลักการ: มีหลักการ 5 ประการ ได้แก่ การกำจัดของเสีย (Waste), การสร้างกระแสการไหล (Flow), การสร้างระบบดึง (Pull), การสร้างวัฒนธรรมของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement), และการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ (Perfection)
  • เครื่องมือ: ใช้เครื่องมือที่หลากหลาย เช่น แผนภูมิค่าเวลา (Value Stream Map), การจัดการด้วยสายตา (Visual Management), 5S, Kaizen
  • ผลลัพธ์: เน้นการลดเวลาในการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

DMAIC และ Lean สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร?

    ทั้ง DMAIC และ Lean สามารถนำมาใช้ร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดย DMAIC สามารถช่วยในการระบุปัญหาและหาสาเหตุของปัญหาได้อย่างแม่นยำ ขณะที่ Lean สามารถช่วยในการกำจัดสาเหตุของปัญหาและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่าง

  • ปัญหา: ผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งมีอัตราการเสียสูง
  • DMAIC: ใช้ DMAIC เพื่อหาสาเหตุของปัญหา เช่น วัตถุดิบมีคุณภาพไม่สม่ำเสมอ หรือเครื่องจักรมีปัญหา
  • Lean: ใช้ Lean เพื่อกำจัดสาเหตุของปัญหา เช่น ปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบ หรือทำการบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ

สรุป

    ทั้ง DMAIC และ Lean เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน การเลือกใช้เครื่องมือใดขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหาและเป้าหมายขององค์กร การนำทั้งสองแนวคิดมาผสมผสานกันจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ







BY: MANthi

ที่มา: Gemini


บทความที่เกี่ยวข้อง
เหนือกว่าเทคโนโลยี คือ 'ความรู้' และ 'ประสบการณ์': สินทรัพย์ที่มองไม่เห็นในธุรกิจโลจิสติกส์
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรม ธุรกิจโลจิสติกส์และ Fulfillment ก็เช่นกัน ระบบอัตโนมัติ, AI, และซอฟต์แวร์ต่างๆ ช่วยเพิ่มความเร็วและลดความผิดพลาดได้อย่างมหาศาล แต่ท่ามกลางความล้ำสมัยเหล่านี้ มีสินทรัพย์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าและไม่สามารถซื้อหาได้ง่ายๆ นั่นคือ "ความรู้" และ "ประสบการณ์" ที่สั่งสมมา
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
18 ต.ค. 2025
บริหารเวลา = บริหารธุรกิจ: เคล็ดลับจัดการ 'เวลา' ให้มีค่าดั่งทองคำในโลกโลจิสติกส์
การบริหารเวลาที่ยอดเยี่ยม คือกุญแจสำคัญที่ปลดล็อกศักยภาพในการเติบโต และสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืนเหนือคู่แข่ง
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
17 ต.ค. 2025
เวลาคือเงิน: ทุกวินาทีที่ประหยัดได้ในระบบโลจิสติกส์ คือการเติบโตของธุรกิจคุณ
ในโลกธุรกิจ E-commerce ที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน มีสินทรัพย์หนึ่งที่ล้ำค่ากว่าทองคำ นั่นก็คือ "เวลา" เวลาที่ลูกค้าใช้ในการรอคอยพัสดุ, เวลาที่ผู้ประกอบการเสียไปกับการจัดการหลังบ้าน, และเวลาที่สูญเปล่าไปกับกระบวนการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทุกๆ วินาทีที่เสียไปคือต้นทุนและโอกาสทางธุรกิจที่หายไป
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
16 ต.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ