DMAIC แตกต่างจาก Lean อย่างไร ?
อัพเดทล่าสุด: 4 พ.ย. 2024
982 ผู้เข้าชม

DMAIC และ Lean: สองเครื่องมือที่ทรงพลังในการปรับปรุงกระบวนการ
ทั้ง DMAIC (Define, Measure, Analyze, Improve, Control) และ Lean เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุน และเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า แต่ทั้งสองมีจุดมุ่งหมายและวิธีการที่แตกต่างกัน ดังนี้
DMAIC (Define, Measure, Analyze, Improve, Control)
- จุดมุ่งหมาย: มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเฉพาะเจาะจง โดยใช้ข้อมูลเป็นหลักในการวิเคราะห์และหาสาเหตุของปัญหา เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงที่เป็นรูปธรรม
- ขั้นตอน: มีขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นระบบ โดยเริ่มจากการกำหนดปัญหา วัดผล วิเคราะห์สาเหตุ ปรับปรุง และควบคุมผลลัพธ์
- เครื่องมือ: ใช้เครื่องมือทางสถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น แผนภูมิควบคุม ไดอะแกรมอิชิคาว่า การทดลองทางสถิติ
- ผลลัพธ์: เน้นการลดความแปรปรวนของกระบวนการ และเพิ่มความสอดคล้องกับข้อกำหนด

Lean
- จุดมุ่งหมาย: มุ่งเน้นไปที่การกำจัดของเสียทุกประเภทในกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าสูงสุด
- หลักการ: มีหลักการ 5 ประการ ได้แก่ การกำจัดของเสีย (Waste), การสร้างกระแสการไหล (Flow), การสร้างระบบดึง (Pull), การสร้างวัฒนธรรมของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement), และการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ (Perfection)
- เครื่องมือ: ใช้เครื่องมือที่หลากหลาย เช่น แผนภูมิค่าเวลา (Value Stream Map), การจัดการด้วยสายตา (Visual Management), 5S, Kaizen
- ผลลัพธ์: เน้นการลดเวลาในการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

DMAIC และ Lean สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร?
ทั้ง DMAIC และ Lean สามารถนำมาใช้ร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดย DMAIC สามารถช่วยในการระบุปัญหาและหาสาเหตุของปัญหาได้อย่างแม่นยำ ขณะที่ Lean สามารถช่วยในการกำจัดสาเหตุของปัญหาและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่าง
- ปัญหา: ผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งมีอัตราการเสียสูง
- DMAIC: ใช้ DMAIC เพื่อหาสาเหตุของปัญหา เช่น วัตถุดิบมีคุณภาพไม่สม่ำเสมอ หรือเครื่องจักรมีปัญหา
- Lean: ใช้ Lean เพื่อกำจัดสาเหตุของปัญหา เช่น ปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบ หรือทำการบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ
สรุป
ทั้ง DMAIC และ Lean เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน การเลือกใช้เครื่องมือใดขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหาและเป้าหมายขององค์กร การนำทั้งสองแนวคิดมาผสมผสานกันจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
BY: MANthi
ที่มา: Gemini
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
เลือก Partner ขนส่งอย่างไร? ให้ธุรกิจไม่สะดุดและเติบโตไว (เช็คลิสต์ฉบับผู้ประกอบการ) Meta Description: เลือกบริษัทขนส่งผิด ชีวิตเปลี่ยน! พบกับ 5 วิธีเลือก Partner ขนส่งที่ "ใช่" ช่วยลดต้นทุน แก้ปัญหาของส่งช้า และพร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจคุณในระยะยาว
10 ธ.ค. 2025
ในปีนี้ธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้ากำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการนำ Automation (ระบบอัตโนมัติ) และ หุ่นยนต์ (Robotics) เข้ามาช่วยงานมากขึ้น ไม่ใช่แค่บริษัทใหญ่ แต่ SME ก็เริ่มใช้ได้แล้ว เพราะเทคโนโลยีมีราคาที่จับต้องง่ายขึ้น และใช้งานง่ายกว่าเดิมมาก
9 ธ.ค. 2025
วิธีคำนวณค่าระวางสินค้า (Freight) ฉบับเข้าใจง่าย: เจ้าของธุรกิจต้องรู้ ก่อนขาดทุนค่าส่ง! Meta Description: เคยสงสัยไหมทำไมของเบาแต่ค่าส่งแพง? เรียนรู้วิธีคำนวณค่าระวางสินค้า (Freight) และวิธีคิด CBM เบื้องต้น เทคนิคลดต้นทุนที่ช่วยให้คุณประเมินราคาขนส่งได้แม่นยำ ไม่โดนบวกเพิ่ม
9 ธ.ค. 2025


BS&DC SAI5
