แชร์

​รูปแบบของการว่าจ้างขนส่งสินค้าทางทะเล

อัพเดทล่าสุด: 4 ก.ย. 2024
761 ผู้เข้าชม

​รูปแบบของการว่าจ้างขนส่งสินค้าทางทะเล

การว่าจ้างขนส่งสินค้าทางทะเลมีรูปแบบจําแนกตามลักษณะของเรือเดินสมุทรและการใช้งาน ดังนี้

1. LINER TERM

     คือการว่าจ้างขนส่งสินค้าโดยเรือที่มีตารางเดินเรือที่วิ่งประจําเส้นทาง ซึ่งประกอบด้วยเรือ 3 แบบด้วยกันคือ

  • Conventional Vessel

     คือเรือสินค้าอเนกประสงค์แบบดั้งเดิม ทําการขนส่งสินค้าโดยการบรรทุกสินค้าลงในระวางเรือใหญ่ ส่วนใหญ่ใช้ในการขนสินค้าแบบเทกอง (Bulk Cargo) มักมีเส้นทางเดินเรือแบบจากเมืองท่าต้นทางไปจนถึงเมืองท่าปลายทาง (End to end)

  • Container Vessel

     คือเรือสินค้าที่ทําการขนส่งโดยระบบตู้คอนเทนเนอร์ มักมีเส้นทางเดินเรือแบบเครือข่าย (Network service) หรือเส้นทางเดินเรือแบบรอบโลก (Round the worldservice) โดยใช้เรือแม่ขนาดใหญ่ (Mother Vessel) วิ่งให้บริการเฉพาะเมืองท่าหลักที่เป็นฐานการให้บริการ เช่นเมืองท่า Singapore แล้วใช้เรือลูก (Feeder) ขนตู้คอนเทนเนอร์จากเมืองท่าหลักไปยังเมืองท่ารองหรือเมืองท่าปลายทาง เช่น ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เป็นต้น

  • Semi container Vessel

     คือเรือสินค้าที่มีรูปแบบการขนส่งผสมผสานระหว่างเรือ Conventional กับเรือContainer กล่าวคือ เป็นเรือสินค้าที่สามารถบรรทุกสินค้าลงในระวางส่วนหนึ่งและมีพื้นที่บนเรือที่จะวางตู้คอนเทนเนอร์ได้อีกส่วนหนึ่ง มักมีเส้นทางเดินเรือแบบเมืองท่าต้นทางถึงเมืองท่าปลายทาง

 

2. CHARTER TERM 

     คือการว่าจ้างขนส่งสินค้าโดยเรือที่เช่ามาขนส่งสินค้าเป็นเที่ยวๆ เป็นเรือที่ไม่มีตารางเดินเรือและเส้นทางเป็นการตายตัว เรียกว่าการเช่าเรือ ซึ่งแบ่งการเช่าออกเป็น 4 ลักษณะคือ

  • Voyage Charter

      เป็นการเช่าเหมาเรือแบบเที่ยวเดียว เพื่อขนส่งสินค้าที่กําหนด ส่วนใหญ่เป็นการเช่าเหมาเรือทั้งลํา เพื่อขนส่งสินค้าจากท่าเรือแห่งหนึ่งไปยังท่าเรืออีกแห่งหนึ่ง ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเป็นภาระของเจ้าของเรือที่จะต้องรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาเช่าเหมาเรือที่ได้ทํากันไว้ระหว่างเจ้าของเรือกับผู้เช่าเรือ

  • Time Charter

     เป็นการเช่าเหมาเรือแบบระยะเวลา ผู้เช่าเหมาเรือจะได้สิทธิในการใช้เรือในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เจ้าของเรือมีหน้าที่ที่จะต้องทําให้เรืออยู่ในสภาพที่จะใช้งานได้เท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินเรือตามที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญาการเช่าเหมาเรือ จะตกเป็นภาระของผู้เช่าเรือที่จะต้องรับผิดชอบ

  • Bareboat Charter 

      เป็นการเช่าเหมาเรือเฉพาะตัวเรือเปล่าๆ ไม่รวมลูกเรือ มักเป็นการเช่าเหมาเรือในระยะเวลาที่ยาวนาน เจ้าของเรือจะรับภาระเฉพาะการหาเรือมาให้แก่ผู้เช่าเรือ ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินเรือตลอดจนการทําให้เรือสามารถปฏิบัติงานได้เป็นภาระของผู้เช่าเรือ

  • Hybrid Charter

     เป็นการเช่าเหมาเรือแบบผสมผสานกัน เช่น การเช่าเหมาเรือเที่ยวเดียวอย่างต่อเนื่องและการเช่าเหมาเรือที่ผสมระหว่างการเช่าแบบเที่ยวเดียวและการเช่าแบบระยะเวลา

 

 



 

BY : NOON (CC)

ที่มาของข้อมูล : lissom-logistics


บทความที่เกี่ยวข้อง
จัดการความวุ่นวายนอกประตูคลัง: ความสำคัญของระบบ Yard Management (YMS)
ภาพของรถบรรทุกที่ต่อคิวยาวเหยียดรอเข้าเทียบท่า, คนขับรถที่ไม่รู้ว่าต้องไปจอดที่ประตูไหน, หรือความล่าช้าในการค้นหาตู้คอนเทนเนอร์ที่จอดอยู่ในลาน... นี่คือภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้น "นอกประตู" คลังสินค้า แต่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงาน "ข้างใน" ทั้งหมด
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
13 ส.ค. 2025
 สร้างความประทับใจส่วนตัวให้ลูกค้าหลักพัน...ด้วยพลังของ
ในยุคที่ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย การสร้างความแตกต่างไม่ได้หยุดอยู่แค่คุณภาพของสินค้าหรือความเร็วในการจัดส่งอีกต่อไป แต่หัวใจสำคัญที่สามารถมัดใจลูกค้าและสร้าง Brand Royalty ได้อย่างยั่งยืนคือ "ประสบการณ์เฉพาะบุคคล" (Personalization)
หมี (นักศึกษาฝึกงาน)
13 ส.ค. 2025
ลดข้อผิดพลาด เพิ่มความเร็ว: 4 เทคนิคจัดระเบียบ 'คลังสินค้าขนาดเล็ก' ให้ทำงานเหมือนมือโปร
ธุรกิจ SME หรือร้านค้าออนไลน์ ห้องเก็บของหลังร้านหรือคลังสินค้าขนาดเล็กของคุณ อาจเปรียบเสมือน "หัวใจ" ของการดำเนินงาน
ฟ่าง (นักศึกษาฝึกงาน)
13 ส.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ