หนึ่งในแนวโน้มการขนส่งหรือโลจิสติกส์ที่จะเห็นได้ชัดที่สุดในปี 2020 คือ การใช้เทคโนโลยีสีเขียวมากขึ้น (Green Logistics) โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศที่ได้คะแนน LPI (Logistics Performance Index) สูง เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น มักจะมีแนวโน้มที่จะนำเอาคอนเซ็ปต์ของ Green Logistics มาใช้มากกว่าประเทศที่กำลังพัฒนา
การรวมกันของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการขนส่ง จะช่วยให้บริษัทต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบการและผู้บริโภคเอง
การเปลี่ยนแปลงของซอฟต์แวร์ใหม่ๆ จะช่วยให้ข้อมูลทั้งหมดรวมอยู่ในที่เดียว
อินเตอร์เน็ตทำให้สิ่งต่างๆ ถูกเชื่อมโยงถึงกัน อุปกรณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในกระบวนการขนส่ง จะช่วยให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
การจัดส่งในวันเดียวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร ที่มีการแข่งขันกันที่ความเร็วในการจัดส่ง ในขณะที่ธุรกิจอื่นๆ กำลังตามรอย
การรวมกันของห่วงโซ่อุปทาน เป็นหนึ่งในแนวโน้มการขนส่งและโลจิสติกส์ที่จะเริ่มปรากฏให้เห็นครั้งแรกในปี 2020 หลายๆ ในห่วงโซ่อุปทานนี้จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างการขับเคลื่อนของผลิตภัณฑ์และบริการ ส่งผลให้บริษัท ผู้ผลิต และบริการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานสามารถแข่งขันและเติบโตทางการเงินได้ และในทางกลับกันยังมีวิธีการผลิตและการส่งมอบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อที่จะทำให้ผู้บริโภคนั้นเกิดความพึงพอใจ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเทรนด์ในปี 2020 แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาในการรอก่อนที่สิ่งนี้จะเริ่มเห็นผล และผู้ส่งสินค้าจะต้องสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าการรวมกันในระบบห่วงโซ่อุปทานของโลจิสติกส์นั้นกำลังดำเนินการอยู่อย่างจริงจัง
หนึ่งในแนวโน้มการขนส่งและโลจิสติกส์ที่สำคัญในปี 2020 คือการรวมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทานเอาไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ทั้งผู้ผลิต ผู้ขนส่ง ฯลฯ จะมีการแบ่งปันข้อมูลบนแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยกันปรับปรุงเวลาส่งมอบและการติดตามการขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับการทดลองทางด้านโลจิสติกส์
อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ปี 2020 มันจะช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ ถูกเชื่อมต่อและโต้ตอบหากันได้อย่างรวดเร็ว เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำข้อสรุปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดโดยไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ จากนั้นจะนำไปสู่การขับเคลื่อนของสินค้าที่ดีขึ้นและช่วยให้ผู้ขนส่งสินค้าสามารถค้นพบปัญหาและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว อินเตอร์เน็ตช่วยเพิ่มความแม่นยำความคาดหวัง ความโปร่งใส และการวางแผนด้านโลจิสติกส์อย่างเป็นระบบ ครบวงจร
นับเป็นประเด็นสำคัญที่สุดของภาคการขนส่งในปี 2020 คือเวลาจัดส่ง เนื่องจากทุกๆ วันนี้ มีบริษัทจำนวนมากขึ้น ทำให้การแข่งขันสูง บางบริษัทจึงงัดเอาจุดขายคือการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้ภายในวันเดียว โดยประเด็นดังกล่าว จึงเป็นหนึ่งในจุดแข็งของบริษัทขนส่ง และด้วยจำนวนลูกค้าที่ยินดีจ่ายเพิ่มสำหรับการจัดส่งที่รวดเร็ว ทำให้แนวโน้มที่ว่า จะมีโอกาสเติบโตและเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อการแข่งขันเรื่องเวลาในการจัดส่งได้เริ่มต้นขึ้น และผู้เล่นหลักอย่างบริษัทขนส่ง ทุกคนกำลังพยายามทำให้การจัดส่งในวันเดียวมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ลูกค้า แต่ในปี 2020 สามารถคาดหวังได้ว่าแนวโน้มนี้จะแพร่กระจายอย่างกว้างขวางในหมู่บริษัทขนส่งสินค้ากันเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่า แนวโน้มการขนส่งและโลจิสติกส์ในปี 2020 เป็นเทคโนโลยีสดใหม่และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทโลจิสติกส์ จำเป็นต้องเกาะติดสถานการณ์และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่เสมอ ซึ่งทาง Next Logistics มีการติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อการปรับตัวและรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพื่อพัฒนาให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิผล ทำให้ระบบชิปปิ้งจีนมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด
เป็นเทคโนโลยีที่สามารถดำเนินงานทางธุรกิจ บันทึกการทำธุรกรรมโดยไม่ผ่านบุคคลที่สาม การติดตามสินทรัพย์และสร้างระบบที่โปร่งใส รวมทั้งจัดการเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Blockchain เป็นเครื่องมือที่มีต้นกำเนิดมาจากสาขาคณิตศาสตร์ เรียกว่า การเข้ารหัสตรวจสอบประวัติของผู้ให้บริการและซัพพลายเออร์รายอื่นๆ ช่วยประหยัดเวลาและเงินได้อย่างมหาศาล และยังเพิ่มความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทาน ลดการทุจริต กระบวนการคอขวดที่เป็นกระบวนการที่จำกัดผลผลิตของทั้งระบบและข้อผิดพลาดต่างๆ ได้
คือการที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ด้วยอินเตอร์เน็ต โดยไม่ต้องป้อนข้อมูล สามารถสั่งการและควบคุมการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ตได้ จนเกิดเป็นบรรดา Smart ต่างๆ ได้แก่ Smart Device, Smart Grid, Smart Home, Smart Network, Smart Intelligent Transportation
ในด้านการขนส่ง เทคโนโลยีนี้ทำให้รถบรรทุกสามารถเปิดใช้งานเกี่ยวกับการขับขี่ แผนที่และวีดีโอได้แบบเรียลไทม์ Smart vehicles จะช่วยให้สามารถมองเห็นโค้งในระยะที่มองไม่เห็นและสามารถระบุระยะของคนเดินเท้า คนปั่นจักรยานและอันตรายบนท้องถนนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
การปฏิวัติการขนส่งและลดการเฉี่ยวชนได้อย่างมีนัยสำคัญถึง 80% และแสดงผลผ่านเครือข่ายการผลิตทั่วโลก
สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง เบรก ความเร็วและแสดงความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ รวมทั้งระบบ Geo-Fence ที่สามารถกำหนดขอบเขตพื้นที่ไว้บนแผนที่และจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อสิ่งที่ถูกติดตามเข้าไปหรือออกจากขอบเขตที่กำหนด
BY : NUN
ที่มา : Nextlogistics