CRM นั้นที่จริงแล้วก็คือกระบวนการที่ธุรกิจเน้นโฟกัสไปที่ด้านการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวกับลูกค้าจะเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อพูดถึง CRM แล้วก็มักจะรวมไปถึงกลยุทธ์ เทคนิค เครื่องมือต่างๆที่ใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดในการดูแลลูกค้าปัจจุบันเพื่อรักษาฐานลูกค้านั่นเอง
ในปัจจุบันเมื่อพูดถึง CRM โดยมากแล้วจะเข้าใจในความหมายเดียวกันคือหมายถึงซอฟต์แวร์ด้าน CRM ที่เป็นเครื่องมือที่เกิดมาเพื่อช่วยในการจัดการด้านงานขาย การดูแลลูกค้าต่างๆ และตัว CRM นั้นก็จะมีหลายหลายประเภทมากๆขึ้นกับความต้องการใช้งาน อาจจะเป็นด้านเซลล์ ด้านบัตรมาชิก หรืออื่นๆ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากที่ CRM กลายมาเป็นคำที่มีความหมายกว้างมากๆ แต่สุดท้ายแล้วทุกซอฟต์แวร์ด้าน CRM นั้นเกิดมาเพื่อตอบโจทย์ด้านการดูแลลูกค้าเช่นเดียวกันทั้งหมด
B2B CRM vs B2C CRM
B2B CRM เน้นการขายในลักษณะบริษัทกับบริษัท ดังนั้นแล้วแน่นอนว่าการทำ CRM จะเป็นการมุ่งเน้นไปที่การช่วยพนักงานขายเป็นหลัก จากการที่พวกเขาต้องจัดการ sales cycle ที่ยาวนาน ทำให้การจัดการ pipeline เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ
B2C CRM เน้นที่การขายให้กับลูกค้ารายบุคคล จำนวนมาก โดยมากมักจะอยู่ในอุตสาหกรรมจำพวกแบงค์ โรงแรม ค้าปลีกต่างๆ การทำ CRM จะเป็นเรื่องของการมุ่งเน้นที่จะปรับแต่งการขายสินค้าให้เหมาะสมกับประสบการณ์แต่ละบุคคลโดยดูจากความชื่นชอบต่างๆ จึงมักเป็นการทำ loyalty/reward program ต่างๆ
จัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ
CRM การบริหารข้อมูลลูกค้าจะทำได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ลูกค้ารายใดที่มีไปพบมาแล้ว ลูกค้ารายใดต้องการอะไร นอกจากนั้นยังสามารถใส่โน้ตบอกเกี่ยวกับลูกค้าได้อีกด้วย นั่นทำให้เมื่อใดก็ตามที่มีคนอยากเรียกดูข้อมูลลูกค้าตรงนี้ก็สามารถตามเรื่องต่อได้เลย นอกจากในเรื่องข้อมูลลูกค้าที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังทำให้เห็นถึงในเรื่องการติดต่อที่เกิดขึ้นว่ามีไทม์ไลน์เป็นอย่างไร มีการ follow up ลูกค้าอยู่ตลอดไหม และนอกจากนี้การค้นหาข้อมูลผ่านระบบ CRM ก็ทำได้ง่ายดายมากกว่าการค้นจากสมุดบันทึก ซึ่งเสี่ยงต่อการหายได้ทุกเมื่อ และข้อสำคัญการใช้ CRM นั้นทำให้ข้อมูลไม่ถูกผูกติดกับเซลล์แต่มาอยู่ที่ฐานข้อมูลกลางของบริษัท
จัดการดีลและรายงานการขาย
ระบบซีอาร์เอ็มเข้ามาช่วยได้คือ รายงานการขายที่สามารถเรียกดูได้ทุกเวลา และข้อมูลอัพเดทเป็นปัจจุบันเสมอ ทำให้การจัดการ pipeline และดูว่าต้องติดตามลูกค้าคนไหนเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ซึ่งถ้าไม่มีระบบ CRM การจะดูข้อมูลต่างๆเหล่านี้จะเป็นไปได้ยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย และตัว CRM เองนั้นส่งเสริมในเรื่องบริหารจัดการดีลมากๆอีกด้วย เพราะคุณสามารถที่จะดูได้เลยว่าดีลในแต่ละอันนั้นอยู่สเตจไหนแล้ว ทำให้สามารถมองเห็นดีลและภาพรวมว่าทุกอย่างของธุรกิจเป็นอย่างไรได้ดีขึ้นมาก การตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง
ปรับปรุงกระบวนการขายและเพิ่มประสิทธิภาพการติดต่อในทีม
โปรแกรม CRM จะช่วยปรับปรุงกระบวนการให้คุณโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องคิดหาวิธีไรเพิ่มเติม เพราะ CRM จะมีการปรับผ่าน sales funnel ทำให้กระบวนการขายของคุณเป็นระบบแบบที่บริษัทที่มีการจัดการใช้กัน เริ่มจาก lead จนถึงขั้นตอนการเปลี่ยนเป็นลูกค้า ทีมขายของคุณอาจจะไม่คุ้นกับ concept ของ sales funnel มาก่อน แต่เมื่อมาใช้ CRM จะทำให้แยกประเภทลูกค้าได้ดีขึ้น ทำให้สามารถ forecast ยอดขาย จากประเภทของ Lead, prospect, customer ได้
ช่วยในเรื่องยอดขายและ metric อื่นๆ
จากที่ผ่านมาทั้ง 3 ข้อจะเห็นได้ว่า CRM จะช่วยทั้งในทีมและปัจจัยภายนอกเช่นเรื่องลูกค้า ซึ่งในสิ่งต่างๆที่กล่าวมานั้นจะส่งผลโดยตรงกับ metric สำคัญในการบริหารทีมขายให้ประสบความสำเร็จ
เพิ่มความพึงพอใจลูกค้า
และจากทุกข้อที่กล่าวมา ประโยชน์ข้อสุดท้ายที่สำคัญมากและเป็นประโยชน์แรกๆเลยที่บริษัทส่วนใหญ่คำนึงถึงเมื่อมองหาโปรแกรม CRM นั่นก็คือการเพิ่มความพึงพอใจลูกค้า มีหลายกรณีมากๆเลยที่ทีมเซลล์สามารถปิดยอดได้เยอะ แต่ไม่สามารถรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมาจากการที่ไม่ได้ตามเคสที่เกิดขึ้นให้กับลูกค้า ทำให้ความพึงพอใจลดลงเรื่อยๆ แต่เมื่อมีการใช้งาน CRM เรื่องดังกล่าวก็จะหมดไป และเมื่อลูกค้าพึงพอใจ นั่นหมายความว่าการ switch หรือเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์อื่นก็จะไม่เกิดขึ้น
BY : Patch
ที่มา : veniocrm