แชร์

การขนส่งสินค้าแบบ DAT (Delivered at Terminal)

อัพเดทล่าสุด: 17 ก.ค. 2024
824 ผู้เข้าชม

DAT ย่อมาจาก Delivered at Terminal เป็นเงื่อนไขการค้าระหว่างประเทศประเภทหนึ่ง ที่ระบุถึงความรับผิดชอบในการส่งมอบสินค้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง

DAT หมายถึง ส่งมอบสินค้า ณ สถานีปลายทาง หมายความว่า ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้าให้กับผู้ซื้อ ณ สถานีปลายทางที่ระบุไว้ ซึ่งอาจจะเป็นท่าเรือ สนามบิน สถานีรถไฟ หรือสถานที่อื่นๆ ที่กำหนดไว้ ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าไปยังสถานีปลายทาง และขนถ่ายสินค้าลงจากยานพาหนะ เมื่อสินค้าถูกวางไว้บนพื้นที่ของสถานีปลายทาง ถือว่าผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว ผู้ซื้อมีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เหลือ เช่น ค่าธรรมเนียมท่าเรือ ภาษีนำเข้า และค่าขนส่งสินค้าจากสถานีปลายทางไปยังคลังสินค้า


ข้อดีของการใช้ DAT

  • ความชัดเจน : เงื่อนไข DAT กำหนดจุดส่งมอบ ความรับผิดชอบ และค่าใช้จ่ายได้ชัดเจน ช่วยลดข้อพิพาทระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
  • ความสะดวก : ผู้ขายไม่จำเป็นต้องขนถ่ายสินค้าลงจากยานพาหนะ ผู้ซื้อสามารถจัดการเองได้

ข้อเสียของการใช้ DAT

  • ความเสี่ยง: ผู้ขายรับผิดชอบความเสี่ยงของสินค้าจนกว่าจะวางไว้บนพื้นที่ของสถานีปลายทาง
  • ค่าใช้จ่าย: ผู้ขายอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขนถ่ายสินค้าลงจากยานพาหนะ

ความแตกต่างระหว่าง DAT กับ DAP

จุดส่งมอบ

  • DAT : สินค้าถูกวางไว้บนพื้นที่ของสถานีปลายทาง
  • DAP : สินค้าถูกวางไว้บนยานพาหนะที่สถานีปลายทาง

ความรับผิดชอบ

  • DAT : ผู้ขายรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายสินค้าลงจากยานพาหนะ
  • DAP : ผู้ซื้อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายสินค้าลงจากยานพาหนะ


ตัวอย่าง

บริษัท A ในประเทศไทย ขายเครื่องจักรกลการเกษตรให้กับบริษัท B ในประเทศอินเดีย ภายใต้เงื่อนไข DAT

ผู้ขาย (บริษัท A) มีหน้าที่

  • บรรจุเครื่องจักรกลลงในตู้คอนเทนเนอร์
  • ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง
  • ชำระค่าธรรมเนียมท่าเรือแหลมฉบัง
  • ขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ลงจากเรือที่ท่าเรือมุมไบ

ผู้ซื้อ (บริษัท B) มีหน้าที่

  • ชำระค่าธรรมเนียมท่าเรือมุมไบ
  • ขนส่งสินค้าจากท่าเรือมุมไบไปยังคลังสินค้า

การขนส่งสินค้าแบบ DAT เหมาะสำหรับธุรกรรมการค้าที่มีสินค้าที่ชัดเจน จุดส่งมอบสินค้าที่ชัดเจน ผู้ขายที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายการขนส่ง และผู้ซื้อที่มีความสามารถในการขนถ่ายสินค้าเอง อย่างไรก็ตาม ผู้ขายและผู้ซื้อควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของสินค้า เส้นทางการขนส่ง และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ก่อนตัดสินใจใช้เงื่อนไข DAT


แหล่งข้อมูล : https://www.customs.go.th/content.php?ini_content=customs_valuation_03&ini_menu=menu_customs_value&lang=th&left_menu=menu_customs_value_03


บทความที่เกี่ยวข้อง
รายได้ดีจริงไหม? เปิดโมเดลธุรกิจตัวแทนขนส่ง จุดคุ้มทุนและโอกาสเติบโต
เดินไปทางไหนก็เจอ! ร้านรับ-ส่งพัสดุสารพัดแบรนด์ที่เปิดให้บริการแทบทุกหัวมุมถนน กลายเป็นภาพคุ้นตาที่สะท้อนการเติบโตของธุรกิจ E-commerce
ร่วมมือ.jpg Contact Center
24 ก.ค. 2025
บริหารคลัง Fulfillment อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด: ลดต้นทุน เพิ่มความเร็วในการส่ง
ในยุคที่ E-commerce เติบโตอย่างก้าวกระโดด ความคาดหวังของลูกค้าไม่ใช่แค่ "ได้รับของ" แต่คือ "ได้รับของเร็วและถูกต้อง" หัวใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านค้าออนไลน์คือระบบหลังบ้านที่แข็งแกร่ง และนั่นคือบทบาทของ "คลังสินค้า Fulfillment" ซึ่งเป็นมากกว่าแค่โกดังเก็บของ แต่เปรียบเสมือนศูนย์บัญชาการที่จัดการทุกอย่างตั้งแต่การจัดเก็บ, แพ็ค, ไปจนถึงการจัดส่ง แล้วเราจะบริหารจัดการคลังสินค้าด้วยระบบ Fulfillment อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด? มาดูเคล็ดลับสำคัญกันครับ
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
24 ก.ค. 2025
ลืมภาพคลังสินค้าแบบเดิมๆ! รู้จักระบบ Random Location จัดเก็บอัจฉริยะ เพิ่มพื้นที่ ลดเวลา
ลองนึกภาพคลังสินค้าแบบดั้งเดิม ที่ชั้นวาง A ต้องเก็บแต่สินค้า A เท่านั้น และชั้นวาง B ก็ต้องเก็บเฉพาะสินค้า B... แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสินค้า A หมดสต็อก? พื้นที่ตรงนั้นก็จะถูกปล่อยให้ว่างเปล่าโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่าเราจะมีสินค้า C ล้นคลังจนไม่มีที่เก็บก็ตาม ปัญหานี้คือจุดอ่อนของระบบการจัดเก็บแบบกำหนดตำแหน่งตายตัว (Fixed Location) แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ Random Location System หรือ การจัดเก็บแบบสุ่มตำแหน่ง แนวคิดอัจฉริยะที่กำลังปฏิวัติการจัดการคลังสินค้าและบริการ Fulfillment ทั่วโลก
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
24 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ