แชร์

การขนส่งสินค้าแบบ CIP (Carriage Insurance Paid to)

อัพเดทล่าสุด: 16 ก.ค. 2024
1630 ผู้เข้าชม

CIP ย่อมาจาก Carriage Insurance Paid to เป็นเงื่อนไขการค้าระหว่างประเทศประเภทหนึ่ง ระบุถึงความรับผิดชอบในการส่งมอบสินค้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง

CIP หมายถึง ค่าขนส่งและประกันภัยจ่ายถึง หมายความว่า ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าทางทะเล ทางอากาศ หรือทางบก จากสถานที่ของผู้ขายไปยังท่าเรือปลายทางที่ระบุไว้ รวมถึงค่าประกันสินค้า ผู้ขายจะต้องทำประกันสินค้าขั้นต่ำคุ้มครองความเสี่ยงต่อความเสียหายหรือสูญหายของสินค้าระหว่างการขนส่ง เมื่อสินค้าถูกส่งมอบให้กับผู้รับขนส่งที่สถานที่ของผู้ขาย ถือว่าผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว ผู้ซื้อมีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เหลือ เช่น ภาษีนำเข้า ค่าธรรมเนียมท่าเรือปลายทาง และค่าขนส่งสินค้าจากท่าเรือปลายทางไปยังคลังสินค้า


ข้อดีของการใช้ CIP

  • ความชัดเจน : เงื่อนไข CIP กำหนดความรับผิดชอบและค่าใช้จ่ายได้ชัดเจน ช่วยลดข้อพิพาทระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
  • ความสะดวก : ผู้ขายจัดการเรื่องประกันสินค้าให้เรียบร้อย ผู้ซื้อไม่ต้องกังวล
  • ความเสี่ยง : ผู้ขายรับผิดชอบความเสี่ยงของสินค้าจนกว่าจะส่งมอบให้กับผู้รับขนส่ง ผู้ซื้อมีความเสี่ยงน้อย

 ข้อเสียของการใช้ CIP

  • ค่าใช้จ่าย : ผู้ขายอาจเสนอราคา CIP ที่สูงกว่า CPT เพราะต้องรับผิดชอบค่าประกันสินค้า
  • ความยุ่งยาก : ผู้ขายต้องจัดการเรื่องประกันสินค้า ซึ่งอาจยุ่งยาก

ตัวอย่าง

บริษัท A ในประเทศไทย ขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้กับบริษัท B ในประเทศอินเดีย ภายใต้เงื่อนไข CIP

ผู้ขาย (บริษัท A) มีหน้าที่

  • บรรจุชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ลงในกล่อง
  • จัดหาผู้รับขนส่งสินค้า
  • ชำระค่าขนส่งสินค้าจากโรงงานของผู้ขายไปยังท่าเรือมุมไบ
  • ทำประกันสินค้า

ผู้ซื้อ (บริษัท B) มีหน้าที่

  • ชำระภาษีนำเข้า
  • ชำระค่าธรรมเนียมท่าเรือมุมไบ
  • ขนส่งสินค้าจากท่าเรือมุมไบไปยังคลังสินค้า


ความแตกต่างระหว่าง CIP กับ CPT

จุดส่งมอบ

  • CIP : สินค้าถูกส่งมอบให้กับผู้รับขนส่งที่สถานที่ของผู้ขาย
  • CPT : สินค้าถูกส่งมอบให้กับผู้รับขนส่งที่ท่าเรือต้นทาง

ความรับผิดชอบ

  • CIP : ผู้ขายรับผิดชอบค่าขนส่งสินค้า ค่าประกันสินค้า และความเสี่ยงของสินค้าจนกว่าจะส่งมอบให้กับผู้รับขนส่ง
  • CPT : ผู้ขายรับผิดชอบค่าขนส่งสินค้า และความเสี่ยงของสินค้าจนกว่าจะส่งมอบให้กับผู้รับขนส่ง

การขนส่งสินค้าแบบ CIP เหมาะสำหรับธุรกรรมการค้าที่มีสินค้าที่ชัดเจน จุดส่งมอบสินค้าที่ชัดเจน ผู้ขายที่ต้องการควบคุมความเสี่ยง และผู้ซื้อที่ต้องการความสะดวก อย่างไรก็ตาม ผู้ขายและผู้ซื้อควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของสินค้า เส้นทางการขนส่ง และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ก่อนตัดสินใจใช้เงื่อนไข CIP


แหล่งข้อมูล : https://www.customs.go.th/content.php?ini_content=customs_valuation_03&ini_menu=menu_customs_value&lang=th&left_menu=menu_customs_value_03


บทความที่เกี่ยวข้อง
Fulfillment-as-a-Service (FaaS): โมเดลใหม่ของการบริหารคลัง
เมื่อโลกของอีคอมเมิร์ซเติบโตแบบก้าวกระโดด การบริหารจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
26 ก.ค. 2025
EOQ คืออะไร? สูตรลับคลังสินค้า สั่งของเท่าไหร่ให้ 'คุ้ม' ที่สุด
เคยเจอปัญหานี้ไหมครับ? สั่งของมาตุนในคลังสินค้าเยอะเกินไป เงินทุนก็จมไปกับสต็อก แถมยังต้องเสียค่าเช่าพื้นที่เพิ่ม แต่พอสั่งของมาน้อยเกินไป สินค้าก็ขาด ขายไม่ได้ เสียโอกาสทางธุรกิจไปอีก... คำถามคือ แล้วเราควรจะสั่งของครั้งละเท่าไหร่ดี ถึงจะเรียกว่า "พอดี" และ "คุ้มค่า" ที่สุด? วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับ EOQ (Economic Order Quantity) หรือ ปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด ซึ่งเป็นเหมือนสูตรลับที่ช่วยให้ธุรกิจหาจุดสมดุลในการสั่งซื้อสินค้าได้อย่างมืออาชีพ
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
23 ก.ค. 2025
Delivery Orchestration – การจัดการโลจิสติกส์แบบเบ็ดเสร็จยุคใหม่
Delivery Orchestration – การจัดการโลจิสติกส์แบบเบ็ดเสร็จยุคใหม่
Notify.png พี่ปี
25 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ