แชร์

ภาพรวมของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย

อัพเดทล่าสุด: 16 ก.ค. 2024
2472 ผู้เข้าชม

ภาพรวมของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย

E-Commerce Channels
E-Marketplace (Horizontal)

E-Marketplace ยังมี 2 ผู้เล่นหลักอย่าง Lazada และ Shopee ทั้ง 2 แพลตฟอร์มทุ่มงบการตลาดใช้เม็ดเงินในการทำโปรโมชั่น อัดแคมเปญ กระตุ้นทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งตลอดหลายปีมานี้เราพอจะทราบกันแล้วว่าทั้ง Lazada และ Shopee พึ่งจะมาทำกำไรในปีหลังๆ อย่าง Lazada ทำกำไรได้ใน 2 ปีหลังคือปี 2021 ด้วยกำไร 226.89 ล้านบาท และ ปี 2022 มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 413.08 ล้านบาท ส่วนฝั่งของ Shopee ทำกำไรได้เป็นปีแรกด้วยตัวเลข 2,380.27 ล้านบาท จากการขาดทุนต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่าทั้ง 2 E-Marketplace ต่างมุ่งเน้นในเรื่องการเติบโตของธุรกิจมากกว่ากำไร ก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงสู่ธุรกิจเพื่อทำกำไรอย่างชัดเจน โดยเริ่มจากการลดงบในการทำการตลาดลง ไม่ว่าจะเป็นการแจกโค้ด การทำคูปอง แคมเปญลดราคาสินค้าต่างๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากแคมเปญ 11:11 ที่ผ่านมา งบการตลาดที่ใช้จะยังมีอยู่ แต่จะไม่มาจาก E-Marketplace แต่จะเป็นค่าบริการที่เรียกเก็บจากบรรดาร้านค้าที่เข้ามาใช้บริการ ทำให้ร้านค้าขายสินค้าได้น้อยลง และมีผลกระทบให้กับยอดขายที่อาจจะไม่ดีเท่าเดิม

ในส่วนของ TikTok ปีนี้ Priceza Insights เราจัดให้ TikTok เป็นผู้เล่นใหม่ในสนามนี้ด้วย เพราะ TikTok พัฒนาฟีเจอร์อย่างต่อเนื่อง ที่เปิดพื้นที่รวบรวมสินค้า ร้านค้า และหลากหลายแบรนด์ไว้บนแพลตฟอร์ม ซึ่งเริ่มตั้งแต่การค้นหาสินค้า การดูรีวิว กดสั่งซื้อ กดจ่ายเงิน หรือแม้แต่ตรวจสอบสถานะการจัดส่งก็ทำได้ครบ

ตัวอย่างกลุ่ม E-Marketplace
Shopee, Lazada, Tiktok, Central, MOnline


E-Tailer (Vertical)

ธุรกิจการขายของออนไลน์ที่เน้นการขายสินค้าหรือบริการเฉพาะด้าน หรือขายเฉพาะหมวดหมู่ ความได้เปรียบของการขายสินค้าแนวดิ่ง Vertical จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเน้นการตลาดไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจเฉพาะในสินค้าหรือบริการนั้นๆ ของเรา และมีการวิเคราะห์และเตรียมสินค้าในแบบที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การทำธุรกิจอคอมเมิร์ซเฉพาะด้าน จะเพิ่มโอกาสแข่งขันในตลาดนั้นๆ ที่อาจจะมีผู้เล่นในการแข่งขันไม่มากนัก ทำให้เรามีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราเข้าชมเว็บไซต์ของ Konvy ที่เน้นการขายสินค้าในกลุ่ม Health & Beauty เราจะพบกับการ Community ที่เข้มแข็งของผู้คนที่มีความสนใจในด้านความงามและสุขภาพ ที่นี่เราสามารถติดตามและเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่ได้รับความนิยมในช่วงเวลานั้นๆ จากการแนะนนำของเว็บไซต์ รวมถึงเราสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากความคิดเห็นและรีวิวจากจากผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้จริง และยังสามารถตั้งคำถามที่สงสัยและรีวิวแบ่งปันประสบการณ์ตัวเอง ช่วยให้เราตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างกลุ่ม E-Tailer (Vertical)
Health & Beauty : Konvy, Watsons, Boots, EVE andBOY
Home & Living : HomePro, บุญถาวร, NocNoc, IndexLivingMall, DoHome
Grocery: Tops, BigC, Lotuss, MakroPro


Chat Commerce

พฤติกรรมของคนไทยโดยปกติแล้วจะชอบพูดคุยซักถาม แชทก่อนช้อป จึงเข้ามาเป็นช่องทางหลักในการสร้างสัมพันธ์กับแบรนด์ ซึ่ง Chat Commerce หรือ Conversational Commerce (C-Commerce) เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ถูกจริตคนไทยมากที่สุดในการ แซท-ช้อป เพื่อการซื้อ-ขายสินค้าบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, LINE OA เป็นต้น ที่ใช้จบการขายแบบครบลูปได้ในแพลตฟอร์มเดียว ทั้งสอบถามรายละเอียด ต่อรองราคา จนไปสู่ทำการซื้อขาย โอนเงิน และจบการขายผ่านแซทนั่นเอง โดยหัวใจสำคัญของ Chat Commerce คือ ยิ่งตอบไวเท่าไหร่ยิ่งได้เปรียบ!

จากผลสำรวจของ LINE Thailand พบว่าคนไทย ใช้เวลาอยู่บน LINE เฉลี่ยมากถึงกว่า 90 นาทีต่อวัน และการพูดคุยผ่านแชทเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ในการปิดการขายได้มากถึง 30% และมีสติที่น่าสนใจจาก Facebook ว่า 54% ของนักช้อปออนไลน์บอกว่า ประสบการณ์การซื้อของออนไลน์ครั้งแรก เกิดขึ้นจากการสั่งซื้อสินค้าผ่านแชท และ 75% ระบุว่า ลูกค้าได้วางแผนที่จะช้อปปิ้งผ่าน C-Commerce มากขึ้นในอนาคต และมักจะได้ซื้อสินค้าที่ไม่ได้ใจซื้อเพิ่ม หลังจากได้แซทพูดคุยกับร้านค้า

ตัวอย่างกลุ่ม Chat Commerce
LINE, Messenger, IG


Own Shop

แพลตฟอร์มสำหรับใช้ในการสร้างร้านค้าออนไลน์หรือเว็บไซต์ E-Commerce แบบสำเร็จรูป โดยจะมีเทมเพลตให้เลือกใช้มากมายหรือจะนำมาต่อยอดปรับแต่งให้เข้ากับสินค้าที่มี Template ให้เลือกมากมายที่เหมาะสมกับร้านค้า ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มมีค่าบริการและความยืดหยุ่น รวมถึงข้อจำกัดในการใช้งานแตกต่างกันไป

ซึ่งในปีนี้เราจะเห็นการปรับตัวของธุรกิจค้าปลีก หรือ Brand.com ในเรื่องของการขับเคลื่อนกลยุทธ์ Direct-to-Consumer (D2C) แทนที่การใช้ Business to Business (B2B) ในปีนี้กันมากขึ้น ด้วยการขายสินค้ากับลูกค้าโดยตรงผ่านช่องทางของตัวเอง โดยไม่ผ่านคนกลาง หรือผ่าน E-Marketplace ต่างๆ ทำให้แบรนด์ได้ค่าส่วนต่างที่สูงขึ้นเพราะไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายให้กับ คนกลาง และ เข้าถึงข้อมูลของลูกค้าโดยตรง ทำให้สามารถเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และนำมาพัฒนาปรับปรุงการมอบประสบการณ์ของ (CX) ลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างกลุ่ม Own Shop
Shopify, LnwShop, KetShopWeb, LINE SHOPPING, Bento, iGetWeb, MakeWebEasy


Quick Commerce

Quick Commerce หรือ Q-Commerce กำลังเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิการแข่งขันของบรรดา Super App ยิ่งแบรนด์หรือธุรกิจไหน สามารถพัฒนาโมเดล Omni-Channel เชื่อมต่อ Online to Offline และ Offline to Online ได้อย่างไร้รอยต่อ สร้างความสะดวกสบาย และความรวดเร็วในการใช้บริการ จนสามารถส่งมอบบริการ ความสะดวกเหนือไปอีกขั้น ให้กับลูกค้าที่การันตีระยะเวลาการจัดส่งสินค้าจะยิ่งเป็นต่อกว่าคู่แข่งในตลาด และจะเป็นตัวเลือกแรกๆของลูกค้า

Quick Commerce เข้ามาตอบโจทย์และเติมเต็มโมเม้นท์ที่ต้องการด่วน หรือ ต้องการใช้ทันที โดยการใช้เวลาจัดส่งสินค้าด้วยเวลาอันรวดเร็วโดยเฉลี่ยไม่เกิน 30 นาที ซึ่งระยะหลังลูกค้าหันมาสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มของ Online Grocery รวมถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีแพลตฟอร์ม On Demand Delivery ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างร้านค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อย เช่น ร้านโชห่วย โดยจะมีไรเดอร์ ทั้งจักรยานยนต์ และรถยนต์ เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้กับผู้ใช้บริการ

ตัวอย่างกลุ่ม Quick Commerce
Grab, LINE MAN, FoodPanda, Robinhood, 7-11 ALL Online





จัดทำโดย : MAN
แหล่งที่มา : Thailand E-Commerce Landscape 2024 อัปเดตภาพรวมของภูมิทัศน์อีคอมเมิร์ซประเทศไทย 2024


บทความที่เกี่ยวข้อง
The Decoy Effect (ปรากฏการณ์ตัวล่อ): จิตวิทยาการตั้งราคาที่ทำให้ลูกค้า "ยอมจ่ายแพง" โดยไม่รู้ตัว
เคยไหม? ที่คุณเดินเข้าไปในร้านกาแฟตั้งใจจะสั่งแก้วเล็ก แต่จบลงที่การเดินออกมาพร้อมแก้วใหญ่สุด หรือสมัครสมาชิกแอปพลิเคชันรายปีทั้งที่คิดว่าจะลองแค่รายเดือน คุณไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาด และคุณไม่ได้ “หน้าใหญ่” แต่อย่างใด แต่คุณกำลังตกอยู่ในมนตร์สะกดทางจิตวิทยาที่เรียกว่า "The Decoy Effect" หรือ ปรากฏการณ์ตัวล่อ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
8 ธ.ค. 2025
Nostalgia Marketing: เจาะลึกกลยุทธ์ "ถวิลหาอดีต" เปลี่ยนความทรงจำวัยเยาว์ให้เป็นยอดขายถล่มทลาย
เคยไหม? ที่เผลอหยุดดูโฆษณาเพียงเพราะเพลงประกอบเป็นเพลงฮิตยุค 90s หรือตัดสินใจซื้อขนมรุ่นลิมิเต็ดเพียงเพราะแพ็กเกจจิ้งหน้าตาเหมือนตอนที่คุณยังเป็นเด็ก อาการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของจิตวิทยาอันทรงพลังที่เรียกว่า "Nostalgia Marketing" หรือการตลาดแบบถวิลหาอดีต ในยุคที่โลกหมุนไวและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงทุกวินาที ผู้คนจำนวนมากกลับโหยหาความอบอุ่นและความสุขที่คุ้นเคยในวันวาน แบรนด์ที่ฉลาดจึงใช้โอกาสนี้สร้าง "สะพาน" เชื่อมโยงความทรงจำเหล่านั้นสู่อนาคต... และยอดขาย
ร่วมมือ.jpg Contact Center
5 ธ.ค. 2025
Voice Search Optimization: ปรับแต่งเนื้อหาอย่างไร เมื่อลูกค้าเริ่มใช้ "เสียง" สั่งซื้อสินค้าแทนการพิมพ์
เคยไหม? ที่เห็นคนพูดใส่โทรศัพท์ว่า "หาร้านกาแฟใกล้ฉัน" หรือ "สั่งอาหารแมว ยี่ห้อ XX ราคาเท่าไหร่?" พฤติกรรมนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ในยุคที่ AI Assistant อย่าง Siri, Google Assistant และ Alexa ฉลาดขึ้นทุกวัน ลูกค้าเริ่มเปลี่ยนจาก "การพิมพ์" คีย์เวิร์ดสั้นๆ มาเป็น "การพูด" ประโยคยาวๆ เพื่อค้นหาและสั่งซื้อสินค้า หากธุรกิจของคุณยังยึดติดกับ SEO แบบเดิมๆ คุณอาจกำลังพลาดโอกาสทองจากลูกค้ากลุ่มนี้ไป วันนี้เราจะพาไปดูเทคนิคการทำ Voice Search Optimization (VSO) เพื่อดักจับลูกค้าที่ชอบใช้เสียงสั่งการ ให้มาเจอสินค้าของคุณเป็นร้านแรก!
ร่วมมือ.jpg Contact Center
4 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ