แชร์

ประเภทของรถยก (Forklift) และวิธีเลือกใช้งานให้เหมาะ

BS&DC SAI5

อัพเดทล่าสุด: 17 ธ.ค. 2025

25 ผู้เข้าชม

รถยก (Forklift) เป็นอุปกรณ์สำคัญในงานคลังสินค้า โรงงาน และศูนย์กระจายสินค้า ช่วยยก เคลื่อนย้าย และจัดเก็บสินค้าได้รวดเร็วและปลอดภัย แต่รถยกมีหลายประเภท หากเลือกไม่เหมาะ อาจทำให้ทำงานช้า สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย หรือเกิดอุบัติเหตุได้ บทความนี้จะพาไปรู้จัก ประเภทรถยกยอดนิยม และ วิธีเลือกใช้งานให้เหมาะกับงานของคุณ

ประเภทรถยกที่พบได้บ่อย
1. รถยกไฟฟ้า (Electric Forklift)

ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่
เสียงเงียบ ไม่มีควัน
เหมาะกับคลังสินค้าในอาคาร หรือห้องเย็น

ข้อดี: เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ค่าบำรุงรักษาต่ำ
ข้อจำกัด: ใช้งานต่อเนื่องยาวนานต้องวางแผนชาร์จแบต
2. รถยกเครื่องยนต์ (Diesel / LPG Forklift)

ใช้น้ำมันดีเซลหรือแก๊ส LPG
กำลังยกสูง แข็งแรง
เหมาะกับงานกลางแจ้งหรือพื้นที่โล่ง

ข้อดี: ทนทาน ยกของหนักได้ดี
ข้อจำกัด: มีเสียงดังและไอเสีย ไม่เหมาะกับพื้นที่ปิด
3. รถยกมือ (Hand Pallet Truck)

ใช้แรงคน ไม่ใช้เครื่องยนต์
สำหรับเคลื่อนย้ายระยะสั้น

ข้อดี: ราคาถูก ใช้งานง่าย
ข้อจำกัด: ไม่เหมาะกับสินค้าหนักมากหรือยกขึ้นที่สูง
4. รถยกไฟฟ้าแบบยืนขับ / รถยกพาเลทไฟฟ้า

ผู้ควบคุมยืนหรือเดินตาม
เหมาะกับคลังที่มีพื้นที่แคบ

ข้อดี: คล่องตัว ประหยัดพื้นที่
ข้อจำกัด: ยกน้ำหนักได้น้อยกว่ารถยกนั่งขับ
5. รถ Reach Truck

ออกแบบมาสำหรับชั้นวางสูง
ใช้มากในคลังสินค้าแบบ High Rack

ข้อดี: ยกได้สูง ใช้พื้นที่แนวตั้งได้คุ้มค่า
ข้อจำกัด: ราคาสูง และต้องใช้ผู้ขับที่มีทักษะ

วิธีเลือกใช้รถยกให้เหมาะกับงาน
1. พิจารณาน้ำหนักและขนาดสินค้า

สินค้าหนัก รถยกเครื่องยนต์
สินค้าทั่วไป รถยกไฟฟ้าหรือรถยกพาเลท

2. ดูสภาพแวดล้อมการใช้งาน

ในอาคาร / ห้องปิด รถยกไฟฟ้า
กลางแจ้ง / พื้นขรุขระ รถยกดีเซลหรือ LPG

3. ความสูงของชั้นวาง

ชั้นไม่สูงมาก รถยกทั่วไป
ชั้นสูงหลายเมตร Reach Truck

4. พื้นที่ทางเดินในคลัง

ทางเดินแคบ รถยกไฟฟ้าแบบยืนขับ
ทางเดินกว้าง รถยกนั่งขับ

5. งบประมาณและค่าบำรุงรักษา

งบจำกัด รถยกมือ
เน้นใช้งานระยะยาว รถยกไฟฟ้า (ประหยัดค่าเชื้อเพลิง)

สรุป
รถยกแต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่องานที่แตกต่างกัน การเลือกให้เหมาะกับ ประเภทสินค้า พื้นที่ใช้งาน และงบประมาณ จะช่วยให้การทำงานในคลังสินค้ามีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และลดต้นทุนในระยะยาว