แชร์

การออกแบบผังคลังสินค้าให้ทำงานได้เร็วขึ้น

S__2711596.jpg BS&DC SAI5
อัพเดทล่าสุด: 11 ธ.ค. 2025
6 ผู้เข้าชม

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คลังสินค้าทำงานได้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีหรือจำนวนพนักงาน แต่คือ "ผังคลังสินค้า" (Warehouse Layout) ที่ออกแบบดี ช่วยให้การเคลื่อนย้ายสินค้าเร็วขึ้น ลดงานซ้ำซ้อน และลดความผิดพลาดได้อย่างมาก
บทความนี้จะสรุปวิธีคิดง่าย ๆ ที่ใช้ได้จริงในการออกแบบผังคลัง เพื่อให้ทำงานเร็วขึ้นแบบไม่ซับซ้อน

1. เริ่มจาก "เส้นทางสินค้า" ตั้งแต่เข้า - ออก
ให้ไล่เส้นทางของสินค้าแบบต่อเนื่องว่าเข้ามายังไง และออกไปยังไง เช่น
รับของ  ตรวจสอบ  เก็บเข้าที่  หยิบสินค้า  แพ็ก  ส่งออก

เคล็ดลับคือออกแบบผังให้ สินค้าเคลื่อนเป็นทางเดียว (One-way Flow) จะช่วยลดการชนกันของรถยก พนักงานไม่เดินย้อนกลับไปมา ทำงานได้เร็วกว่าเดิมมาก

2. แยกโซนตามลักษณะงานชัดเจน
ผังที่ดีควรแบ่งพื้นที่เป็นโซน เช่น
  • Receiving Area พื้นที่รับสินค้า
  • Put-away Zone โซนเก็บเข้าที่
  • Storage Area พื้นที่จัดเก็บหลัก
  • Picking & Packing Zone โซนหยิบและแพ็ก
  • Shipping Area โซนส่งออก
เมื่อแต่ละโซนชัดเจน พนักงานจะรู้หน้าที่ของพื้นที่นั้นทันที ทำให้งานลื่นไหลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

3. เก็บสินค้าที่ขายดีไว้ "ใกล้จุดหยิบ"
สินค้าที่หมุนเร็ว (Fast-moving item) เช่น สินค้าอัปเดตบ่อย หรือขายดี ควรวางใกล้จุดหยิบหรือใกล้ทางเดินหลัก
เพราะ 80% ของเวลาในคลังเสียไปกับการเดิน
ลดระยะทางเดินได้ = ประหยัดเวลามหาศาล

4. ออกแบบทางเดินให้เหมาะกับอุปกรณ์
ความกว้างทางเดินควรเหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้ เช่น รถยก รถลาก หรือโซนหยิบแบบมือ
  • ทางเดินแคบเกินไป = รถยกกลับตัวลำบาก
  • ทางเดินกว้างเกินไป = เปลืองพื้นที่โดยใช่เหตุ
เคล็ดลับง่าย ๆ คือวัด ขนาดรถยก + ระยะกลับตัว + ระยะเผื่อความปลอดภัย แล้วกำหนดเป็นมาตรฐานทางเดิน

5. เลือกชั้นวางให้เหมาะกับประเภทสินค้า
ชั้นวางมีหลายแบบ เช่น Selective Rack, Drive-in Rack, Shelving ฯลฯ
ควรเลือกตามลักษณะสินค้า เช่น
  • สินค้าหนัก  ใช้ Rack แข็งแรง
  • สินค้าชิ้นเล็ก  ใช้ชั้นแบบหยิบมือ
  • สินค้าเคลื่อนไหวเร็ว  วางในตำแหน่งเอื้อมง่าย
เลือกให้เหมาะจะช่วยลดเวลาในการเข้าถึงสินค้าได้เยอะมาก

6. ใช้ป้ายและสีช่วยนำทาง
ป้ายบอกตำแหน่ง ชั้นวาง บล็อกสินค้า หรือเส้นสีพื้น ช่วยให้พนักงานใหม่ก็เข้าใจพื้นที่ได้ง่าย ไม่ต้องถามซ้ำบ่อย ๆ
คลังที่มีเส้นนำทางชัดเจนมักทำงานเร็วกว่า เพราะทุกคนรู้ว่าควรเดินไปจุดไหน

7. จัดโซนเตรียมสินค้า (Staging Area) ให้พอเพียง
โซนรอส่งออกควรมีพื้นที่พอสำหรับวางสินค้าที่เตรียมจัดส่งแต่ละออเดอร์
การมีพื้นที่ staging ที่เป็นระเบียบ จะช่วยลดเวลา "หาของก่อนส่ง" และลดการปะปนของออเดอร์

8. ทบทวนผังคลังทุก 612 เดือน
สินค้าเปลี่ยน วงจรขายไม่เหมือนเดิม
คลังที่ทำงานเร็วจริง ๆ มักจะปรับผังตามพฤติกรรมสินค้า ไม่ใช่ใช้ผังเดิมหลายปี

  สรุป
การออกแบบผังคลังสินค้าให้ทำงานเร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องลงทุนสูง แต่ต้องคิดตามหลักง่าย ๆ คือ
  • ลดการเดิน
  • ลดทางย้อน
  • แยกโซนชัดเจน
  • วางของขายดีไว้ใกล้
  • ใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า
  • ทำให้พนักงานเข้าใจผังได้ง่ายที่สุด
ผังที่ดีจะช่วยให้คลังประหยัดเวลา เพิ่มความแม่นยำ และรองรับงานได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มคน

บทความที่เกี่ยวข้อง
ความสำคัญของประกันภัยสินค้า: จ่ายเพิ่มนิดหน่อย คุ้มค่าแค่ไหน?
ความสำคัญของประกันภัยสินค้า: จ่ายเพิ่มนิดหน่อย คุ้มค่าแค่ไหน? (เกราะป้องกันธุรกิจที่คุณต้องมี) Meta Description: ส่งของแต่ละที ต้องลุ้นตัวโก่ง? เจาะลึกความสำคัญของประกันภัยสินค้า (Cargo Insurance) ทำไมการจ่ายเบี้ยเพิ่มเพียงเล็กน้อย ถึงช่วยเซฟกำไรหลักแสนให้ธุรกิจคุณได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน
11 ธ.ค. 2025
Energy Monitoring ในคลังสินค้า ใช้พลังงานให้คุ้ม ลดต้นทุนได้จริง
Energy Monitoring ในคลังสินค้า ช่วยวัดการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และช่วยวางแผนลดคาร์บอนในซัพพลายเชน
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
11 ธ.ค. 2025
Green Fleet  รถไฟฟ้า ไฮบริด ไบโอดีเซล เปลี่ยนโลจิสติกส์ให้ประหยัดและเป็นมิตรต่อโลก
รู้จัก Green Fleet รถไฟฟ้า ไฮบริด และไบโอดีเซล แนวทางลดคาร์บอนจากการขนส่ง พร้อมข้อดี–ข้อควรรู้สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
11 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ