5 กลยุทธ์โลจิสติกส์ลดต้นทุนการขนส่งที่ธุรกิจควรรู้
อัพเดทล่าสุด: 20 ต.ค. 2025
167 ผู้เข้าชม

ในยุคที่ราคาน้ำมันผันผวนและค่าแรงเพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนขนส่ง กลายเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายหลักของทุกธุรกิจโลจิสติกส์ การลดต้นทุนจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการ ประหยัด แต่คือกลยุทธ์การอยู่รอดในตลาดที่แข่งขันสูง บทความนี้จะพาคุณมารู้จัก 5 กลยุทธ์ลดต้นทุนโลจิสติกส์ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
1. วางแผนเส้นทางขนส่งอย่างชาญฉลาด (Route Optimization)
การกำหนดเส้นทางที่สั้นและมีประสิทธิภาพที่สุดช่วยลดเวลาเดินทางและการใช้น้ำมันได้มาก ปัจจุบันมีระบบ AI และ GPS ที่ช่วยคำนวณเส้นทางอัตโนมัติ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพจราจร สภาพอากาศ และปริมาณพัสดุในแต่ละจุด
2. รวมรอบขนส่ง (Consolidated Shipping)
แทนที่จะส่งสินค้าทีละน้อย การรวมสินค้าหลายออเดอร์ที่ไปในเส้นทางเดียวกัน จะช่วยให้รถบรรทุกบรรทุกเต็มคันมากขึ้น ลดจำนวนเที่ยว และลดต้นทุนต่อหน่วยสินค้าได้อย่างชัดเจน
3. ใช้เทคโนโลยีติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล
ระบบติดตามพัสดุ (Tracking System) และ Dashboard การขนส่งช่วยให้ผู้บริหารมองเห็นต้นทุนแบบเรียลไทม์ สามารถตรวจจับจุดที่สิ้นเปลือง เช่น รถจอดนาน หรือการขับอ้อมเส้นทาง และนำมาปรับปรุงการดำเนินงานได้ทันที
4. จัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
ต้นทุนโลจิสติกส์ไม่ได้อยู่แค่การขนส่ง แต่รวมถึงค่าเก็บสินค้าในคลังด้วย การใช้ระบบ WMS (Warehouse Management System) ช่วยควบคุมสต็อกสินค้า ลดการเก็บของเกินความจำเป็น และหมุนเวียนสินค้าได้เร็วขึ้น
5. เลือกพันธมิตรขนส่งที่มีความยืดหยุ่น
บางธุรกิจพยายามทำทุกอย่างเอง ทั้งที่ในบางกรณี การใช้ผู้ให้บริการขนส่งภายนอก (Third-party Logistics: 3PL) ที่มีเครือข่ายและเทคโนโลยีพร้อมกว่า อาจช่วยลดต้นทุนรวมได้มากกว่าในระยะยาว
ต้นทุนโลจิสติกส์ที่ลดลงเพียง 10% อาจหมายถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เพราะฉะนั้น การมีกลยุทธ์ขนส่งที่ชาญฉลาด คือกุญแจสำคัญของธุรกิจโลจิสติกส์ยุคใหม่ที่ไม่ใช่แค่ ขนส่งเร็ว แต่ต้อง ขนส่งอย่างคุ้มค่า ด้วย
1. วางแผนเส้นทางขนส่งอย่างชาญฉลาด (Route Optimization)
การกำหนดเส้นทางที่สั้นและมีประสิทธิภาพที่สุดช่วยลดเวลาเดินทางและการใช้น้ำมันได้มาก ปัจจุบันมีระบบ AI และ GPS ที่ช่วยคำนวณเส้นทางอัตโนมัติ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพจราจร สภาพอากาศ และปริมาณพัสดุในแต่ละจุด
2. รวมรอบขนส่ง (Consolidated Shipping)
แทนที่จะส่งสินค้าทีละน้อย การรวมสินค้าหลายออเดอร์ที่ไปในเส้นทางเดียวกัน จะช่วยให้รถบรรทุกบรรทุกเต็มคันมากขึ้น ลดจำนวนเที่ยว และลดต้นทุนต่อหน่วยสินค้าได้อย่างชัดเจน
3. ใช้เทคโนโลยีติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล
ระบบติดตามพัสดุ (Tracking System) และ Dashboard การขนส่งช่วยให้ผู้บริหารมองเห็นต้นทุนแบบเรียลไทม์ สามารถตรวจจับจุดที่สิ้นเปลือง เช่น รถจอดนาน หรือการขับอ้อมเส้นทาง และนำมาปรับปรุงการดำเนินงานได้ทันที
4. จัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
ต้นทุนโลจิสติกส์ไม่ได้อยู่แค่การขนส่ง แต่รวมถึงค่าเก็บสินค้าในคลังด้วย การใช้ระบบ WMS (Warehouse Management System) ช่วยควบคุมสต็อกสินค้า ลดการเก็บของเกินความจำเป็น และหมุนเวียนสินค้าได้เร็วขึ้น
5. เลือกพันธมิตรขนส่งที่มีความยืดหยุ่น
บางธุรกิจพยายามทำทุกอย่างเอง ทั้งที่ในบางกรณี การใช้ผู้ให้บริการขนส่งภายนอก (Third-party Logistics: 3PL) ที่มีเครือข่ายและเทคโนโลยีพร้อมกว่า อาจช่วยลดต้นทุนรวมได้มากกว่าในระยะยาว
ต้นทุนโลจิสติกส์ที่ลดลงเพียง 10% อาจหมายถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เพราะฉะนั้น การมีกลยุทธ์ขนส่งที่ชาญฉลาด คือกุญแจสำคัญของธุรกิจโลจิสติกส์ยุคใหม่ที่ไม่ใช่แค่ ขนส่งเร็ว แต่ต้อง ขนส่งอย่างคุ้มค่า ด้วย
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในยุคที่ลูกค้ามีตัวเลือกนับไม่ถ้วน การรู้ว่า อะไร ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ คือสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจเพิ่มความน่าสนใจ ปิดการขายง่ายขึ้น และสร้างประสบการณ์ที่โดนใจลูกค้ามากขึ้น บทความนี้สรุป 5 ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการซื้อ พร้อม วิธีที่แบรนด์สามารถนำไปใช้สร้างยอดขายจริง
6 ธ.ค. 2025
ยุคดิจิทัลวันนี้ ผู้บริโภคเชื่อ “คน” มากกว่า “โฆษณา” ธุรกิจจำนวนมากจึงหันมาใช้ Creator / Influencer ช่วยขยายการมองเห็น (Reach) และเข้าถึงฐานลูกค้าขนาดใหญ่แบบรวดเร็ว ซึ่ง Creator Marketplace กลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้แบรนด์และครีเอเตอร์จับคู่ร่วมงานกันได้ง่าย สะดวก และได้ผลจริง
6 ธ.ค. 2025
FTL vs LTL: เหมาคัน หรือ ฝากส่ง? เลือกแบบไหนให้ประหยัดต้นทุนและตอบโจทย์ธุรกิจ Meta Description: สับสนระหว่าง FTL (เหมาคัน) กับ LTL (ฝากส่ง) ใช่ไหม? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสียของรูปแบบการขนส่งทั้ง 2 แบบ วิธีเลือกให้เหมาะกับปริมาณของ และเทคนิคลดต้นทุนขนส่งที่คุณต้องรู้
6 ธ.ค. 2025
BANKKUNG

Contact Center

