แชร์

เทคโนโลยี RFID ทำไมกำลังจะมาแทน Barcode

ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 1 ต.ค. 2025
144 ผู้เข้าชม

เวลาไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต หลายคนคุ้นชินกับการที่พนักงานหยิบสินค้าแล้ว สแกนบาร์โค้ด ก่อนคิดเงิน ใช้งานง่าย สะดวก และราคาถูก แต่รู้หรือไม่ว่า โลกโลจิสติกส์ กำลังเปลี่ยนจาก Barcode ไปสู่ RFID แล้ว เพราะมันตอบโจทย์การทำงานที่ซับซ้อนและต้องการความเร็วมากกว่า


RFID คืออะไร?

RFID (Radio Frequency Identification) คือเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุในการส่งข้อมูลจาก แท็ก (Tag) ไปยัง เครื่องอ่าน (Reader) โดยไม่จำเป็นต้องสแกนตรง ๆ แบบ Barcode

Barcode ต้องเอาเครื่องยิงเลเซอร์ไปจ่อที่เส้นบาร์
RFID แค่สินค้าอยู่ใกล้เสาอ่าน ระบบก็รู้แล้วว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้น
พูดง่าย ๆ คือ RFID ช่วยให้การระบุตัวตนสินค้าเป็นแบบ ไร้สัมผัสและอัตโนมัติ


ข้อดีที่เหนือกว่า Barcode

หลายคนอาจสงสัยว่า Barcode ก็ใช้ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องเปลี่ยน?
นี่คือข้อดีหลักของ RFID ที่ทำให้วงการโลจิสติกส์เริ่มหันมาใช้มากขึ้น

อ่านได้หลายชิ้นพร้อมกัน
ถ้า Barcode ต้องสแกนทีละอัน RFID สามารถอ่านสินค้าเป็น ล็อต ได้ในเสี้ยววินาที เช่น รถเข็นที่มีของ 50 ชิ้น ก็อ่านเสร็จในครั้งเดียว
ไม่ต้องเห็นแท็กก็อ่านได้
Barcode ต้องมี สายตา ของเลเซอร์เห็น แต่ RFID ใช้คลื่นวิทยุแทรกผ่านสิ่งกีดขวางได้ เช่น กล่องกระดาษ หรือแม้แต่สินค้าที่ซ้อนกัน
เก็บข้อมูลได้มากกว่า
Barcode เก็บได้แค่ตัวเลข แต่ RFID แท็กสามารถบรรจุข้อมูลเชิงลึก เช่น วันที่ผลิต วันหมดอายุ แหล่งที่มา หรือแม้แต่สถานะอุณหภูมิ
ลดความผิดพลาดจากคน
เพราะไม่ต้องมานั่งสแกนทีละชิ้น ทำให้ลดโอกาสที่พนักงานจะสแกนตกหล่น

การใช้งาน RFID ในโลจิสติกส์

ปัจจุบัน RFID ถูกใช้แล้วในหลายขั้นตอน เช่น

คลังสินค้า (Warehouse Management) ระบบรู้ทันทีว่าสินค้าไหนเข้ามา อยู่ตรงไหน และออกไปเมื่อไร
การขนส่ง (Transportation) ติด RFID ที่ตู้คอนเทนเนอร์ รถบรรทุก หรือแม้แต่พัสดุ เพื่อเช็กสถานะอัตโนมัติ
Retail Store ร้านค้าบางแห่งเริ่มใช้ RFID ในการนับสต็อก ทำให้เช็กของทั้งร้านเสร็จในเวลาไม่กี่นาที

อุปสรรคของ RFID

ถึงจะดูดีกว่า Barcode แต่ RFID ยังมีความท้าทายที่ทำให้หลายบริษัทลังเล เช่น

ต้นทุนแท็กสูงกว่า Barcode (แม้ปัจจุบันราคาลดลงมากแล้ว แต่ยังแพงกว่าแบบพิมพ์กระดาษธรรมดา)
ต้องลงทุนเครื่องอ่านใหม่ และอัปเกรดระบบไอทีให้รองรับ
สัญญาณรบกวน บางกรณี เช่น สินค้าที่เป็นโลหะหรือของเหลว อาจทำให้สัญญาณอ่านยากขึ้น

อนาคตของ RFID

แม้จะมีข้อจำกัด แต่แนวโน้มคือ RFID จะค่อย ๆ มาแทน Barcode โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความเร็ว ความแม่นยำ และการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เช่น โลจิสติกส์ยา อาหารสด E-Commerce และการผลิตอุตสาหกรรม

บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Amazon, Walmart, Uniqlo ต่างเริ่มใช้ RFID ในการบริหารสต็อกแล้ว ทำให้การนับสินค้าและเติมของเร็วขึ้นอย่างมหาศาล


สรุป

Barcode อาจเป็นอดีตที่ยิ่งใหญ่ แต่ RFID คืออนาคตที่กำลังจะมาแทน เพราะโลกโลจิสติกส์และค้าปลีกต้องการระบบที่เร็ว แม่นยำ และลดการพึ่งพาคน RFID ไม่ได้มาเพื่อ ฆ่า Barcode แต่จะเป็นก้าวใหม่ที่ทำให้การจัดการสินค้าลื่นไหล และสร้างมาตรฐานใหม่ของซัพพลายเชนทั่วโลก

ครั้งหน้าที่คุณซื้อเสื้อผ้าแล้วเห็นป้ายเล็ก ๆ แปะอยู่ อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นสติกเกอร์ธรรมดา เพราะมันอาจเป็น RFID Tag ที่กำลังเปลี่ยนวงการโลจิสติกส์อยู่ก็ได้!


บทความที่เกี่ยวข้อง
บริหารคลังสินค้าอย่างไรให้ลดต้นทุนได้จริงโดยไม่ลดคุณภาพบริการ
กลยุทธ์ลดต้นทุนคลังสินค้าโดยไม่กระทบประสบการณ์ลูกค้า รวมเทคนิคที่ธุรกิจทุกขนาดนำไปใช้ได้ทันที
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
15 พ.ย. 2025
ทำไมข้อมูลพัสดุแบบ Real Time จะเป็นอาวุธลับของธุรกิจในปีต่อไป
เจาะลึกเหตุผลว่าทำไมข้อมูลติดตามพัสดุแบบ Real-Time จะกลายเป็นตัวเร่งกำไรของธุรกิจ และวิธีนำไปใช้ให้เกิดผลจริง
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
15 พ.ย. 2025
Micro Logistics ระบบขนส่งขนาดเล็กที่กำลังเปลี่ยนเกม E-Commerce ไทย
เจาะลึก Micro Logistics โมเดลขนส่งขนาดเล็กที่ตอบโจทย์ยุค E-Commerce ส่งเร็ว ต้นทุนต่ำ ยืดหยุ่นสูง ธุรกิจควรปรับตัวอย่างไรเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุด
ร่วมมือ.jpg เหมาคัน
15 พ.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ