หนึ่งวันของเจ้าของร้านพัสดุ: ทำอะไรบ้าง? เหนื่อยจริงไหม? คุ้มค่าหรือไม่?
หนึ่งวันของเจ้าของร้านพัสดุ: ทำอะไรบ้าง? เหนื่อยจริงไหม? คุ้มค่าหรือไม่?
เมื่อมองจากภายนอก ธุรกิจร้านรับ-ส่งพัสดุอาจดูเหมือนเป็นงานง่ายๆ แค่นั่งในห้องแอร์เย็นๆ รอรับของจากลูกค้า คีย์ข้อมูล แล้วก็รอรถมารับไป แต่เคยสงสัยไหมครับว่าเบื้องหลังเคาน์เตอร์ที่ดูวุ่นวายนั้น ในหนึ่งวันพวกเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง? มันเป็นงานสบายๆ อย่างที่คิด หรือเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งพลังกายและพลังใจมากกว่าที่เห็น?
บทความนี้จะพาคุณไปติดตามชีวิตหนึ่งวันของ "เจ้าของร้านพัสดุ" ตั้งแต่เปิดร้านจนปิดร้าน เพื่อตอบคำถามที่หลายคนอยากรู้ที่สุด: "เหนื่อยจริงไหม?" และที่สำคัญกว่านั้นคือ "มันคุ้มค่าหรือไม่?"
ช่วงเช้า: เตรียมพร้อมก่อนเปิดศึก (08:30 - 10:00 น.)
วันของเจ้าของร้านมักจะเริ่มต้นก่อนเวลาเปิดทำการจริงเสมอ
- เปิดระบบ: เดินเข้าร้าน สิ่งแรกที่ต้องทำคือเปิดคอมพิวเตอร์, ระบบจัดการหน้าร้าน (POS), เครื่องพิมพ์, และเครื่องสแกนบาร์โค้ดให้พร้อมใช้งาน
- เช็คความเรียบร้อย: ตรวจสอบสต็อกอุปกรณ์แพ็คกิ้ง (กล่อง, ซอง, บับเบิ้ล), จัดหน้าร้านให้สะอาดตา, และเตรียมเงินทอนให้พร้อม
- เคลียร์งานค้าง: ตอบแชทลูกค้าจากเมื่อคืน, เช็คอีเมล, หรือเตรียมเอกสารต่างๆ
ช่วงสายถึงบ่าย: ชั่วโมงเร่งด่วนที่สุด (10:00 - 16:00 น.)
เมื่อประตูร้านเปิด นี่คือช่วงเวลาที่แทบจะไม่ได้นั่งพัก
- ต้อนรับและบริการ: ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาพร้อมกับพัสดุหลากหลายขนาด หน้าที่หลักคือการต้อนรับ, ชั่งน้ำหนัก, วัดขนาดกล่อง, และคีย์ข้อมูลผู้รับ-ผู้ส่งอย่างแม่นยำ
- เป็นที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำลูกค้าเรื่องการแพ็คของ, เลือกขนาดกล่องที่เหมาะสม, และอธิบายประเภทบริการต่างๆ
- นักขายมือทอง: Upsell อุปกรณ์แพ็คกิ้งต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งกำไรที่สำคัญของร้าน
- Multi-tasking Skill: ในเวลาเดียวกันอาจจะต้องรับโทรศัพท์, ตอบคำถามลูกค้าหน้าร้าน, และแพ็คของไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ต้องใช้ทักษะรอบด้านจริงๆ
ช่วงบ่ายแก่ๆ: รอบรถเข้ารับและงานหลังบ้าน (16:00 - 18:00 น.)
ช่วงเวลานี้เปรียบเสมือนเส้นตายของวัน
- รวบรวมและคัดแยก: นำพัสดุทั้งหมดของวันมาคัดแยกตามประเภทบริการหรือบริษัทขนส่ง เพื่อเตรียมส่งมอบให้รถที่กำลังจะมารับ
- ส่งมอบพัสดุ: สแกนบาร์โค้ดพัสดุทุกชิ้นเข้าระบบเพื่อส่งมอบให้พนักงานขับรถ ตรวจนับจำนวนให้ตรงกันอย่างละเอียด
- เคลียร์พื้นที่: เมื่อรถรับพัสดุไปแล้ว ก็ถึงเวลาจัดการกับความเรียบร้อยในร้าน, เช็คสต็อกอุปกรณ์ที่ต้องสั่งเพิ่ม, และเริ่มงานเอกสาร
ช่วงเย็น: ปิดร้านและสรุปยอด (18:00 น. เป็นต้นไป)
แม้จะหมดลูกค้ารอบสุดท้ายแล้ว แต่งานยังไม่จบ
- สรุปยอดขาย: เคลียร์ยอดเงินสดในลิ้นชัก, ตรวจสอบยอดโอน, และทำรายงานสรุปยอดขายประจำวัน
- จัดการเรื่อง COD: ตรวจสอบรายงานการเก็บเงินปลายทางที่บริษัทขนส่งจะโอนกลับมา
- วางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้: เช็คว่ามีอะไรที่ต้องทำหรือเตรียมการสำหรับวันถัดไปหรือไม่
ปิดร้าน: ปิดระบบคอมพิวเตอร์, ปิดไฟ, และล็อคประตู เป็นอันสิ้นสุดวันทำงานที่ยาวนาน
ตอบคำถามสำคัญ: เหนื่อยจริงไหม? แล้วคุ้มค่าหรือไม่?
เหนื่อยจริงไหม?
ตอบตามตรงได้เลยว่า "มาก" ครับ มันเป็นงานที่ต้องยืนเกือบทั้งวัน, ต้องยกของหนัก, ต้องใช้สมาธิสูงกับรายละเอียดข้อมูล, และต้องใช้พลังงานในการรับมือกับลูกค้าหลากหลายประเภท มันไม่ใช่งานสำหรับคนที่มองหา Passive Income อย่างแน่นอน
แล้ว... คุ้มค่าหรือไม่?
คำตอบของคำถามนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวเงินเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณ
- ถ้ามองในแง่ตัวเงิน: เป็นธุรกิจที่กำไรต่อชิ้นน้อย ต้องอาศัยปริมาณสูงจึงจะสร้างรายได้ที่ดีได้
- ถ้ามองในแง่ "ความเป็นเจ้าของ": มันคือความภูมิใจที่ได้สร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมา, คือความสุขที่ได้เห็นลูกค้าประจำแวะเวียนมาด้วยความไว้วางใจ, และคือการได้เป็นศูนย์กลางเล็กๆ ที่คอยช่วยเหลือคนในชุมชน
ดังนั้น มันจะ "คุ้มค่า" มากสำหรับคนที่มีใจรักในงานบริการ, มีความสุขกับการได้พูดคุยกับผู้คน, ขยัน, และมีความละเอียดรอบคอบ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายและต้องการผลตอบแทนที่รวดเร็ว ธุรกิจนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบของคุณ
อยากเป็นเจ้าของธุรกิจที่ "คุ้มค่า"? ให้เราเป็นเพื่อนคู่คิด
BS Express เข้าใจทุกแง่มุมของธุรกิจขนส่ง เราพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่ให้การสนับสนุนและให้คำปรึกษาเพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและ "คุ้มค่า" กับการลงทุน
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
- โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-303-9620
- อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com
- ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210