แชร์

“Zero Touch Delivery” ส่งของโดยไม่แตะต้องแม้แต่ครั้งเดียว

ร่วมมือ.jpg เหมาคัน
อัพเดทล่าสุด: 13 ส.ค. 2025
26 ผู้เข้าชม

ในยุคที่เทคโนโลยีโลจิสติกส์พัฒนาเร็วเหมือนจรวด แนวคิด Zero Touch Delivery กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการขนส่งพัสดุที่ปลอดภัย สะดวก และลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน ไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์โรคระบาด หรือแม้แต่ในระบบส่งของความเร็วสูงที่ต้องการลดขั้นตอนมนุษย์แตะพัสดุให้น้อยที่สุด

Zero Touch Delivery คืออะไร?

แนวคิดนี้หมายถึงกระบวนการส่งมอบสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยแทบไม่มีการสัมผัสโดยตรงจากมนุษย์เลย ใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติเป็นตัวกลาง ตั้งแต่การหยิบสินค้าในคลัง การแพ็ก การขนส่ง จนถึงการส่งถึงลูกค้า
จุดเด่นของระบบนี้คือ ความสะอาด ปลอดภัย และแม่นยำ เพราะลดโอกาสเกิดความผิดพลาดจากคน เช่น การหยิบผิด การส่งผิด หรือพัสดุเสียหายจากการขนย้าย


เทคโนโลยีเบื้องหลัง Zero Touch Delivery

Automated Picking System
ใช้หุ่นยนต์คัดเลือกและหยิบสินค้าจากชั้นวางโดยตรง ไม่ต้องมีพนักงานเดินหยิบของในคลัง
Automated Packing Machine
เครื่องแพ็กอัจฉริยะที่วัดขนาดสินค้าแล้วตัดบรรจุภัณฑ์ให้พอดีโดยอัตโนมัติ ปิดผนึกโดยไม่ต้องใช้มือ
Autonomous Delivery Vehicle / Drone
รถหรือโดรนขนส่งที่ไม่ต้องมีคนขับ สามารถนำพัสดุไปส่งถึงจุดหมายโดยมีระบบนำทาง GPS และ AI ประมวลเส้นทางที่เร็วที่สุด
Smart Locker
เมื่อลูกค้ารับของ จะใช้รหัสหรือสแกน QR Code เพื่อเปิดล็อกเกอร์อัตโนมัติ ทำให้การส่งมอบเกิดขึ้นโดยไม่ต้องพบหน้ากับผู้ส่ง

ข้อดีที่ทำให้แบรนด์ต้องหันมาใช้ Zero Touch Delivery

ลดความเสี่ยงโรคระบาดและการปนเปื้อน
เพิ่มความเร็วการทำงาน เพราะทุกขั้นตอนเป็นอัตโนมัติ
ลดข้อผิดพลาดจากคน เช่น การพิมพ์ที่อยู่ผิด การส่งผิดพัสดุ
สร้างภาพลักษณ์ทันสมัย ทำให้ลูกค้ามองว่าแบรนด์ใส่ใจเทคโนโลยีและความปลอดภัย

ตัวอย่างการใช้งาน

Amazon ใช้หุ่นยนต์ Kiva หยิบและจัดเรียงสินค้าก่อนส่ง
JD.com ในจีน ใช้โดรนส่งสินค้าตามหมู่บ้านห่างไกลโดยไม่ต้องมีคนขับรถ
GrabMart & Food Delivery ในบางประเทศ ทดลองส่งด้วยตู้ล็อกเกอร์อัตโนมัติ

ความท้าทายของ Zero Touch Delivery

แม้จะดูเหมือนอนาคตสดใส แต่ก็ยังมีอุปสรรค เช่น
ต้นทุนลงทุนเทคโนโลยีสูง
ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เช่น Smart Locker หรือถนนสำหรับรถอัตโนมัติ
ความเชื่อมั่นของผู้ใช้ที่ยังต้องการ "ความเป็นมนุษย์" ในการให้บริการ

สรุป

Zero Touch Delivery ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการปรับโฉมระบบโลจิสติกส์ให้เข้าสู่ยุคใหม่ที่เน้นความปลอดภัย รวดเร็ว และใช้แรงงานคนให้น้อยที่สุด แบรนด์ที่ปรับตัวเร็วจะได้เปรียบทั้งในด้านต้นทุน ภาพลักษณ์ และความพึงพอใจของลูกค้า


บทความที่เกี่ยวข้อง
ขนส่งทางอากาศแบบเงียบสนิท ด้วยโดรนไร้เสียงรุ่นใหม่
ถ้าพูดถึง “โดรนส่งพัสดุ” ภาพที่หลายคนคงนึกออกคือ เสียง วี๊นนนนน ดังลั่นเหมือนผึ้งยักษ์บินผ่านบ้าน ซึ่งอาจจะไม่ค่อยเหมาะถ้าต้องส่งของตอนกลางคืน หรือในพื้นที่ชุมชนเงียบสงบ แต่ตอนนี้ นักพัฒนาได้สร้าง “Silent Delivery Drone” หรือโดรนไร้เสียง ที่บินได้แทบจะเงียบสนิท
ออกแบบโลโก้__5_.png BANKKUNG
14 ส.ค. 2025
คลังสินค้าที่หยิบของด้วย “แสงเลเซอร์” แทนการใช้มือ
แทนที่คุณจะเห็นพนักงานหยิบสินค้าด้วยมือ คุณจะเห็น “ลำแสงเลเซอร์” กวาดไปมาบนพัสดุ แล้วสินค้าก็ถูกหยิบขึ้นอย่างแม่นยำราวกับเวทมนตร์
ออกแบบโลโก้__5_.png BANKKUNG
14 ส.ค. 2025
ขนส่งแบบไม่ใช้ไฟแดง เทคโนโลยีที่ทำให้รถบรรทุกไม่ต้องหยุดเลยตลอดเส้นทาง
นี่คือที่มาของเทคโนโลยี Green Light Freight Corridor หรือที่หลายคนเรียกว่า “ขนส่งแบบไม่ใช้ไฟแดง” ซึ่งผสมผสาน ระบบ AI จราจรอัจฉริยะ + การสื่อสารระหว่างรถกับโครงสร้างพื้นฐาน (V2I: Vehicle-to-Infrastructure) เพื่อให้รถบรรทุกสามารถวิ่งผ่านสัญญาณไฟได้โดยไม่ต้องหยุดแม้แต่ครั้งเดียวตลอดเส้นทาง
ร่วมมือ.jpg เหมาคัน
14 ส.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ