เบื้องหลัง AI ที่จัดรถขนส่งให้ “ทุกคันไม่วิ่งเปล่า”
ในโลกของโลจิสติกส์ การขนส่งที่คุ้มค่าที่สุดไม่ใช่การวิ่งให้เร็วที่สุด แต่คือ การวิ่งให้คุ้มที่สุดในทุกเที่ยว เพราะรถเปล่าที่วิ่งกลับมาโดยไม่มีพัสดุ = ต้นทุนที่เสียเปล่า
วันนี้ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้โจทย์นี้ ด้วยระบบอัจฉริยะที่ช่วยจัดเส้นทางจับคู่พัสดุและคาดการณ์โหลดน้ำหนักล่วงหน้า จนรถแต่ละคันแทบไม่เคย "วิ่งเปล่า" อีกต่อไป
ทำไมรถวิ่งเปล่าคือ ต้นทุนเงียบ ที่หลายคนมองข้าม?
ในระบบขนส่งแบบดั้งเดิม หลังจากส่งพัสดุเสร็จแล้ว รถบรรทุกหรือรถตู้มักจะขับกลับศูนย์ว่างๆ โดยไม่มีของกลับ นั่นหมายความว่า:
ค่าน้ำมัน = จ่ายเหมือนเดิม
ค่าแรงคนขับ = เท่าเดิม
เวลาที่ใช้ = เสียไปแบบไม่สร้างรายได้
จากสถิติของธุรกิจขนส่งในไทย รถขนส่งขนาดกลางใหญ่มีโอกาส วิ่งเปล่ากลับมากถึง 3040% ของเที่ยวทั้งหมดในแต่ละวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรโดยตรง
AI เข้ามาช่วยอย่างไร?
AI สำหรับ Fleet Optimization (การบริหารจัดการยานพาหนะ) คือระบบที่ช่วยให้ รถทุกคันมีของทั้งขาไปและขากลับ โดยการ:
1. วิเคราะห์ Demand แบบ Real-Time
ระบบ AI จะคอยดูข้อมูลการจองรับส่งพัสดุตลอดเวลาแบบเรียลไทม์ แล้วคำนวณว่า:
รถคันไหนควรไปรับของจากจุดไหน
ส่งพัสดุเส้นทางไหนก่อนหลัง
ขากลับควรรับของจากลูกค้าคนไหนเพื่อไม่ให้วิ่งเปล่า
2. จับคู่งานขนส่งแบบอัตโนมัติ (AI Matching)
สมมุติว่า BS Express มีรถส่งของจากลาดพร้าวไปชลบุรี ระบบจะเช็กทันทีว่ามีพัสดุของใครในชลบุรีหรือเส้นทางกลับที่ต้องส่งเข้ากรุงเทพฯหรือไม่
หากมี ระบบจะจับคู่ให้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องให้ทีมคอยโทรหาลูกค้าเพื่อจัดเอง
3. คำนวณโหลดน้ำหนัก + ขนาดพัสดุ
AI จะคำนวณว่าสินค้าไหนขนาดใหญ่/น้ำหนักมาก ควรจัดลงรถแบบไหนให้เต็มพื้นที่พอดี ไม่ให้มี ที่ว่างเสียเปล่า แม้แต่ช่องเดียว
ผลลัพธ์ที่ได้: ขนส่งคุ้ม + ลดคาร์บอน + เพิ่มกำไร
บริษัทที่ใช้ระบบ AI เพื่อจัดรถขนส่งแบบไม่วิ่งเปล่า จะได้ผลลัพธ์ทันทีในหลายมิติ:
ลดค่าวิ่งเปล่าได้มากถึง 30-50%
ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ (ลดรอยเท้าคาร์บอนจากการขนส่ง)
เพิ่มประสิทธิภาพต่อเที่ยว
ลดคนจัดการหลังบ้าน จากทีม 10 คน เหลือ 23 คนก็พอ
ตอบโจทย์ ESG (Environmental, Social, Governance) ที่นักลงทุนยุคใหม่ให้ความสำคัญ
ธุรกิจแบบไหนที่ควรเริ่มใช้?
ธุรกิจส่งของจำนวนมากต่อวัน เช่น e-Commerce, แพลตฟอร์มขนส่ง
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีรถขนส่งหลายเส้นทาง
โรงงาน หรือศูนย์กระจายสินค้าขนาดกลางใหญ่
หากคุณมีรถวิ่งมากกว่า 5 คันต่อวัน = ควรพิจารณาใช้ระบบ AI Fleet Optimization ได้ทันที
สรุป: โลจิสติกส์ยุคใหม่ ไม่ใช่แค่ เร็ว แต่ต้อง คุ้มทุกเที่ยว
AI ทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับความว่างเปล่าอีกต่อไป และยังช่วยให้ลูกค้าได้รับของไวขึ้น เพราะระบบจัดเส้นทางได้แม่นยำกว่ามนุษย์หลายเท่า
นี่คือหนึ่งในตัวอย่างของ AI เปลี่ยนเกม สำหรับวงการขนส่ง ที่ทุกธุรกิจควรศึกษา และเริ่มต้นก่อนที่จะตามไม่ทัน