แชร์

พัสดุจะรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ เทคโนโลยี Self-Identifying Parcel คืออะไร?

ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 5 ส.ค. 2025
434 ผู้เข้าชม

ในอนาคตอันใกล้นี้ โลกของการขนส่งอาจเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อพัสดุสามารถ "บอกตัวเองได้" ว่าอยู่ที่ไหน กำลังไปหาใคร และสถานะล่าสุดเป็นอย่างไร โดยไม่ต้องพึ่งระบบสแกนจากมนุษย์ หรือการตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชันแบบเดิมอีกต่อไป นี่คือแนวคิดของเทคโนโลยีที่เรียกว่า Self-Identifying Parcel หรือ "พัสดุที่รู้จักตัวเอง" ซึ่งกำลังเป็นหัวข้อที่ถูกจับตามองจากทั้งวงการโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซ


Self-Identifying Parcel คืออะไร?

Self-Identifying Parcel คือ พัสดุที่ติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะซึ่งช่วยให้มันสามารถระบุตัวตน ตำแหน่ง และข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีการสแกนบาร์โค้ดหรือ QR Code จากภายนอกอีกต่อไป เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังประกอบด้วย:

RFID (Radio Frequency Identification) ที่สามารถส่งสัญญาณระบุพัสดุได้ทันทีเมื่ออยู่ในระยะ
NFC (Near Field Communication) ให้ผู้ใช้สามารถแตะโทรศัพท์เพื่อดูข้อมูลพัสดุ
GPS Tracking Chip เพื่อระบุตำแหน่งพัสดุแบบเรียลไทม์
AI Microchip ขนาดเล็กที่สามารถประมวลผลข้อมูลบางอย่างได้ในตัว เช่น วัดแรงกระแทก อุณหภูมิ หรือการเปลี่ยนตำแหน่งที่ผิดปกติ
เทคโนโลยีเหล่านี้รวมกันอยู่ภายในบรรจุภัณฑ์ หรืออาจเป็นฉลากอัจฉริยะ (Smart Label) ที่ติดอยู่บนพัสดุ


ทำไมต้องมี Self-Identifying Parcel?

การขนส่งพัสดุในยุคปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหาหลายด้าน:

ของหายหรือวางผิดที่ระหว่างทาง
การเช็กพัสดุที่ใช้แรงงานคนจำนวนมาก
ลูกค้าไม่รู้สถานะที่แน่นอน ต้องคอยสอบถามหรือเช็กเอง
ความล่าช้าในการจัดการพัสดุในคลังหรือศูนย์กระจายสินค้า
เทคโนโลยี Self-Identifying Parcel ช่วยให้แก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด โดยให้พัสดุสามารถ "สื่อสาร" กับระบบหรือผู้ใช้งานได้โดยตรง เช่น:

เมื่อมาถึงคลังสินค้า แจ้งตัวเองทันทีว่ามาถึงแล้ว พร้อมข้อมูล
เมื่ออยู่ในรถขนส่ง บอกตำแหน่งตัวเองแบบเรียลไทม์
เมื่อมีการตกหล่นหรือหลุดเส้นทาง ระบบจะแจ้งเตือนอัตโนมัติ

ตัวอย่างการใช้งานในอนาคตอันใกล้

พัสดุของร้านค้าออนไลน์: เมื่อแพ็กเสร็จ กล่องจะถูกติด Smart Label ทันที ลูกค้าจะได้รับลิงก์สำหรับดูสถานะที่อัปเดตอัตโนมัติจากตัวพัสดุเอง
การจัดส่งในเมืองใหญ่: แทนที่จะต้องให้เจ้าหน้าที่เช็กทีละชิ้น พัสดุจะระบุจุดหมายของตัวเอง ทำให้สามารถจัดเส้นทางอัตโนมัติได้แม่นยำขึ้น
การจัดการพัสดุในคลังสินค้า: เมื่อกล่องเข้ามาในพื้นที่ ระบบจะรับรู้ทันที และสามารถสั่งให้หุ่นยนต์นำไปวางในตำแหน่งที่เหมาะสมได้เลย
ลูกค้ารับของหน้าบ้าน: ไม่ต้องรอ SMS หรือกดเช็กสถานะจากแอป เพราะพัสดุจะส่งการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์ของลูกค้าอัตโนมัติเมื่อใกล้ถึงบ้าน

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทุกพัสดุในโลก รู้ตัวเอง?

การเปลี่ยนมาใช้ Self-Identifying Parcel อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง:

ลดขั้นตอนแรงงานในการตรวจรับพัสดุ
ลดข้อผิดพลาดจากคน เช่น สแกนผิด/หลงพัสดุ
ประหยัดเวลาในการตรวจสอบเส้นทางการเดินทางของพัสดุ
เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและผู้รับบริการ
เปิดทางให้กับการพัฒนา Delivery Robot และระบบขนส่งอัตโนมัติเต็มรูปแบบ

ข้อจำกัดและความท้าทาย

แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ยังมีข้อจำกัด เช่น:

ราคาของชิปและเซ็นเซอร์ยังสูง เมื่อเทียบกับต้นทุนการขนส่งทั่วไป
ต้องมีระบบรองรับ เช่น IoT Infrastructure ที่ครอบคลุม
ความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
แต่ด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ราคาของเทคโนโลยีอาจลดลงจนสามารถใช้งานได้ในวงกว้างภายในไม่กี่ปี


สรุป: พัสดุที่พูดได้ คืออนาคตที่ใกล้กว่าที่คิด
Self-Identifying Parcel ไม่ใช่แค่แนวคิดในห้องทดลอง แต่กำลังเริ่มถูกทดลองใช้งานจริงในหลายประเทศ และหากนำมาใช้จริงอย่างแพร่หลาย จะช่วยให้ระบบโลจิสติกส์ทั้งระบบกลายเป็น อัตโนมัติ แม่นยำ และโปร่งใส มากยิ่งขึ้น

สำหรับธุรกิจขนส่ง ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และ SME การเตรียมพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีนี้ จะทำให้สามารถแข่งขันได้ในยุคที่ความเร็วและความแม่นยำคือหัวใจของการบริการ

 




บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำไมค่าส่งแต่ละเจ้าไม่เท่ากัน? : แบไต๋โครงสร้างราคาขนส่ง (น้ำหนัก vs ปริมาตร vs ระยะทาง)
กล่องเท่ากัน แต่ทำไมราคาต่างกันฟ้ากับเหว? เคยไหมครับ? ถือกล่องพัสดุใบเดิม ไปส่งที่ขนส่งเจ้าสีแดง ราคา 50 บาท พอไปอีกเจ้าสีส้ม ราคา 80 บาท แต่พอไปส่งขนส่งรถสิบล้อ ราคาเหลือแค่ 40 บาท! หลายคนคิดว่าการตั้งราคาค่าส่งเป็นเรื่องของการตลาด (ใครจัดโปรฯ ถูกกว่าก็ชนะ) แต่ความจริงแล้ว เบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้นมี "สมการคณิตศาสตร์" ซ่อนอยู่ครับ วันนี้ BS Express จะมา "แบไต๋" โครงสร้างราคาขนส่งแบบหมดเปลือก เพื่อให้คุณเข้าใจว่าเงินที่คุณจ่ายไป ถูกนำไปคำนวณจากอะไรบ้าง และจะเลือกขนส่งแบบไหนให้ประหยัดเงินในกระเป๋าที่สุด!
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
27 ธ.ค. 2025
จรรยาบรรณวิชาชีพขนส่ง: หัวใจของการบริการที่ยั่งยืน
จรรยาบรรณวิชาชีพขนส่ง: กุญแจสำคัญสู่ความเชื่อมั่นและการบริการที่ยั่งยืน
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน
27 ธ.ค. 2025
ป้ายห้ามโยน/ห้ามทับ (Fragile Label) แปะตรงไหนคนยกถึงจะเห็นชัดที่สุด?
แปะป้าย "ระวังแตก" แล้วทำไมของยังพัง? เผยเทคนิคการแปะสติ๊กเกอร์ Fragile / ห้ามโยน ที่ถูกต้อง แปะตรงไหนให้พนักงานขนส่งเห็นชัดที่สุด 360 องศา ลดโอกาสความเสียหายได้จริง
27 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ