ระบบ Delivery Capsule ส่งพัสดุด้วยท่อใต้ดินจะเป็นจริงเมื่อไหร่?
ลองจินตนาการว่า...
พัสดุของคุณไม่ต้องรอรถมอเตอร์ไซค์ ไม่ต้องรอรถตู้ หรือไม่ต้องกลัวรถติดอีกต่อไป
เพราะมันจะถูกส่งผ่าน ท่อใต้ดิน วิ่งตรงจากศูนย์คัดแยกถึงตึกคุณภายในไม่กี่นาที เร็ว ประหยัด และลดมลพิษ
นี่คือโลกของ Delivery Capsule หรือ ระบบส่งพัสดุผ่านท่ออัตโนมัติ
ที่หลายเมืองทั่วโลกกำลังลงทุนพัฒนา เพื่อแก้ปัญหาความแออัดและโลจิสติกส์ที่ล่าช้าในเมืองใหญ่
Delivery Capsule คืออะไร?
มันคือระบบขนส่งพัสดุอัตโนมัติ โดยใช้ แคปซูล รูปร่างคล้ายกระสวย หรือกล่องรูปทรงเรียว ถูกส่งผ่านท่อใต้ดินด้วยแรงลมหรือแรงดันแม่เหล็กไฟฟ้า (คล้ายระบบ Hyperloop)
เป้าหมายคือการขนส่งที่ รวดเร็ว ปลอดภัย และไม่มีคนขับ
ทำไมระบบนี้ถึงน่าสนใจ?
ไม่ติดรถติด: ส่งตรงจากจุดรับถึงปลายทางใต้ดิน ไม่แย่งถนน
รวดเร็วสูง: ความเร็ว 60120 กม./ชม. ขึ้นอยู่กับระบบ
ลดการใช้พลังงาน: บางระบบใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น แสงอาทิตย์ + ระบบสูญญากาศ)
ปลอดภัยจากฝนตก น้ำท่วม หรือขโมย
ตัวอย่างเมืองที่เริ่มใช้จริง
สวิตเซอร์แลนด์ โครงการ Cargo Sous Terrain (CST):
สร้างเครือข่ายท่อใต้ดินยาว 500 กม. เชื่อมเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
ดูไบ ทดสอบระบบส่งสินค้าใต้ดินจากสนามบินถึงคลัง
จีนญี่ปุ่นเยอรมนี กำลังวิจัยเทคโนโลยีแคปซูลอัตโนมัติด้วย AI + IoT
Delivery Capsule ทำงานอย่างไร?
พัสดุถูกจัดเรียงในแคปซูลอัจฉริยะ
ระบบ AI จัดคิวตามปลายทางแบบเรียลไทม์
แคปซูลถูกส่งผ่านท่อด้วยแรงลมหรือแม่เหล็ก
ถึงจุดรับพัสดุ เช่น ตู้ล็อกเกอร์ใต้ตึก หรือศูนย์รับอัตโนมัติ
ความท้าทายในการนำมาใช้จริง
ต้นทุนการวางระบบท่อ สูงมาก (ต้องร่วมมือกับรัฐหรือเอกชนหลายฝ่าย)
️ โครงสร้างเมือง บางแห่งมีพื้นที่ใต้ดินซับซ้อน
ประชาชนต้องปรับตัว จากการรับของแบบดั้งเดิม
️ การซ่อมบำรุง ต้องมีระบบสำรองเผื่อฉุกเฉิน
แล้วประเทศไทยล่ะ?
พื้นที่ในเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพฯ มีศักยภาพบางส่วน
ถ้ามีการพัฒนาร่วมกับระบบ MRT หรือโครงสร้างพื้นฐานใต้ดินเดิม อาจช่วยลดต้นทุน
เขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC), เมืองใหม่ หรือโครงการสมาร์ทซิตี้ อาจเป็นพื้นที่เริ่มต้นที่เหมาะสม
สรุป: จะเกิดขึ้นจริงเมื่อไหร่?
แม้จะยังไม่เกิดขึ้นในไทยในเร็ววันนี้ แต่เทคโนโลยีนี้ กำลังเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
บางประเทศคาดว่าจะเปิดใช้งานเชิงพาณิชย์ภายในปี 2030
ดังนั้นธุรกิจขนส่งในไทยควรเริ่มศึกษาโมเดลนี้ไว้ล่วงหน้า เพื่อ พร้อมก่อน คู่แข่งในอนาคต