แชร์

ระบบ Delivery Capsule ส่งพัสดุด้วยท่อใต้ดินจะเป็นจริงเมื่อไหร่?

ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 30 ก.ค. 2025
141 ผู้เข้าชม

ลองจินตนาการว่า...

พัสดุของคุณไม่ต้องรอรถมอเตอร์ไซค์ ไม่ต้องรอรถตู้ หรือไม่ต้องกลัวรถติดอีกต่อไป
เพราะมันจะถูกส่งผ่าน ท่อใต้ดิน วิ่งตรงจากศูนย์คัดแยกถึงตึกคุณภายในไม่กี่นาที เร็ว ประหยัด และลดมลพิษ

นี่คือโลกของ Delivery Capsule หรือ ระบบส่งพัสดุผ่านท่ออัตโนมัติ
ที่หลายเมืองทั่วโลกกำลังลงทุนพัฒนา เพื่อแก้ปัญหาความแออัดและโลจิสติกส์ที่ล่าช้าในเมืองใหญ่


Delivery Capsule คืออะไร?

มันคือระบบขนส่งพัสดุอัตโนมัติ โดยใช้ แคปซูล รูปร่างคล้ายกระสวย หรือกล่องรูปทรงเรียว ถูกส่งผ่านท่อใต้ดินด้วยแรงลมหรือแรงดันแม่เหล็กไฟฟ้า (คล้ายระบบ Hyperloop)
เป้าหมายคือการขนส่งที่ รวดเร็ว ปลอดภัย และไม่มีคนขับ


ทำไมระบบนี้ถึงน่าสนใจ?

ไม่ติดรถติด: ส่งตรงจากจุดรับถึงปลายทางใต้ดิน ไม่แย่งถนน
รวดเร็วสูง: ความเร็ว 60120 กม./ชม. ขึ้นอยู่กับระบบ
ลดการใช้พลังงาน: บางระบบใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น แสงอาทิตย์ + ระบบสูญญากาศ)
ปลอดภัยจากฝนตก น้ำท่วม หรือขโมย


ตัวอย่างเมืองที่เริ่มใช้จริง

สวิตเซอร์แลนด์ โครงการ Cargo Sous Terrain (CST):
สร้างเครือข่ายท่อใต้ดินยาว 500 กม. เชื่อมเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
ดูไบ ทดสอบระบบส่งสินค้าใต้ดินจากสนามบินถึงคลัง
จีนญี่ปุ่นเยอรมนี กำลังวิจัยเทคโนโลยีแคปซูลอัตโนมัติด้วย AI + IoT

Delivery Capsule ทำงานอย่างไร?

พัสดุถูกจัดเรียงในแคปซูลอัจฉริยะ
ระบบ AI จัดคิวตามปลายทางแบบเรียลไทม์
แคปซูลถูกส่งผ่านท่อด้วยแรงลมหรือแม่เหล็ก
ถึงจุดรับพัสดุ เช่น ตู้ล็อกเกอร์ใต้ตึก หรือศูนย์รับอัตโนมัติ

ความท้าทายในการนำมาใช้จริง

ต้นทุนการวางระบบท่อ สูงมาก (ต้องร่วมมือกับรัฐหรือเอกชนหลายฝ่าย)
️ โครงสร้างเมือง บางแห่งมีพื้นที่ใต้ดินซับซ้อน
‍ ประชาชนต้องปรับตัว จากการรับของแบบดั้งเดิม
️ การซ่อมบำรุง ต้องมีระบบสำรองเผื่อฉุกเฉิน

แล้วประเทศไทยล่ะ?

พื้นที่ในเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพฯ มีศักยภาพบางส่วน
ถ้ามีการพัฒนาร่วมกับระบบ MRT หรือโครงสร้างพื้นฐานใต้ดินเดิม อาจช่วยลดต้นทุน
เขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC), เมืองใหม่ หรือโครงการสมาร์ทซิตี้ อาจเป็นพื้นที่เริ่มต้นที่เหมาะสม

สรุป: จะเกิดขึ้นจริงเมื่อไหร่?

แม้จะยังไม่เกิดขึ้นในไทยในเร็ววันนี้ แต่เทคโนโลยีนี้ กำลังเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
บางประเทศคาดว่าจะเปิดใช้งานเชิงพาณิชย์ภายในปี 2030
ดังนั้นธุรกิจขนส่งในไทยควรเริ่มศึกษาโมเดลนี้ไว้ล่วงหน้า เพื่อ พร้อมก่อน คู่แข่งในอนาคต



บทความที่เกี่ยวข้อง
เร็วกว่า ประหยัดกว่า: 4 เทคนิคลับเพิ่มประสิทธิภาพ 'การขนส่ง' ที่คุณอาจไม่เคยรู้
ในโลกของโลจิสติกส์และ Fulfillment "การขนส่ง" คือหนึ่งในต้นทุนที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุด ทุกๆ กิโลเมตรที่รถวิ่ง, ทุกๆ นาทีที่ติดอยู่บนท้องถนน, และทุกๆ เที่ยวที่รถออกไปโดยบรรทุกของไม่เต็มคัน ล้วนเป็นต้นทุนที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรของธุรกิจคุณ การ "เพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่ง" ไม่ใช่แค่การขับรถให้เร็วขึ้น แต่คือการทำงานอย่างชาญฉลาดขึ้นเพื่อลดความสูญเปล่าในทุกมิติ
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
26 ก.ย. 2025
ถอดรหัส 'สัญลักษณ์สินค้าอันตราย': ป้ายเตือนบนกล่องพัสดุที่ผู้ส่งทุกคนต้องรู้
เวลาที่เราเห็นรถบรรทุกหรือตู้คอนเทนเนอร์วิ่งผ่านบนท้องถนน เรามักจะสังเกตเห็น "ป้ายสัญลักษณ์" รูปข้าวหลามตัดที่มีสีสันและรูปภาพแตกต่างกันไปติดอยู่ สัญลักษณ์เหล่านี้ไม่ใช่แค่การตกแต่ง แต่คือภาษาภาพสากลที่บ่งบอกถึง "สินค้าอันตราย" (Dangerous Goods) ที่อยู่ภายใน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในทุกขั้นตอนของระบบโลจิสติกส์
ปาล์ม นักศึกษาฝึกงาน
26 ก.ย. 2025
Neural Network Visualization: เปิด 'สมอง' AI ให้เห็นว่าคิดอย่างไร
เมื่อเราพูดถึง AI หรือ Machine Learning ที่สามารถพยากรณ์ยอดขายหรือแนะนำสินค้าได้ เคยสงสัยไหมครับว่าเบื้องหลังนั้นมัน "คิด" อย่างไร? Neural Network Visualization คือเครื่องมือที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) สามารถมองเข้าไปใน "กล่องดำ" (Black Box) ของ AI ที่ซับซ้อนได้
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
26 ก.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ