ส่งของด้วย “พลังงานคน”? โลจิสติกส์แนว Zero Energy ที่กลับมาแรงในเมืองใหญ่
ในโลกที่ธุรกิจโลจิสติกส์วิ่งตามเทคโนโลยีอย่างหุ่นยนต์, AI, และยานยนต์ไฟฟ้า หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าเทรนด์หนึ่งที่เริ่มกลับมาแรงคือ...การขนส่งด้วยพลังงานจากมนุษย์ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า Human-Powered Logistics ซึ่งเป็นแนวคิดที่อยู่ภายใต้ทิศทางเดียวกับ Zero Energy Logistics
แม้จะฟังดูย้อนยุค แต่ความจริงแล้ว การส่งของด้วยแรงคนกำลังถูกนำกลับมาปรับใช้ใหม่อย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่แออัด และต้องการลดทั้งคาร์บอน ฟุตพริ้นต์ และการใช้พลังงานเชื้อเพลิง
โลจิสติกส์ Zero Energy คืออะไร?
Zero Energy Logistics หมายถึง ระบบขนส่งที่พยายามลดหรือไม่ใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเลย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยแรงคน จักรยาน จักรยานไฟฟ้า หรือแม้แต่การเดินเท้า รวมไปถึงการออกแบบระบบจัดส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในระยะทางสั้น ๆ เพื่อลดการใช้พลังงานโดยรวม
ทำไมการส่งของด้วยพลังงานคนถึงเริ่มได้รับความสนใจอีกครั้ง?
ปัญหาการจราจรในเมือง: รถบรรทุกหรือรถส่งพัสดุขนาดใหญ่เข้าเขตเมืองชั้นในได้ยาก ส่งผลให้การใช้จักรยานหรือรถเข็นกลายเป็นทางเลือกที่คล่องตัวกว่า
เทรนด์ลดคาร์บอน: ภาคธุรกิจและรัฐบาลในหลายประเทศเริ่มตั้งเป้า Zero Carbon Logistics โดยมีการส่งเสริมรูปแบบการขนส่งที่ปล่อยคาร์บอนต่ำหรือเป็นศูนย์
พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน: ลูกค้าเริ่มสนใจใช้บริการจากธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ต้นทุนต่ำ: ไม่ต้องใช้น้ำมัน ไม่ต้องชาร์จไฟ ใช้พลังงานคนล้วน ๆ ซึ่งเหมาะกับการส่งพัสดุในระยะทางสั้น ๆ
ตัวอย่างการใช้งานจริงทั่วโลก
ญี่ปุ่น: มีระบบส่งของด้วยจักรยานหรือรถเข็นที่ออกแบบเฉพาะในเขตเมืองเก่า เช่น เกียวโต ที่ถนนแคบและรถยนต์เข้าไม่ถึง
เนเธอร์แลนด์: เมืองอัมสเตอร์ดัมใช้ Cargo Bike หรือจักรยานบรรทุกของขนาดใหญ่ สำหรับส่งพัสดุในโซนที่ห้ามรถยนต์
ฝรั่งเศส: กรุงปารีสมีโครงการส่งของด้วย นักวิ่งส่งพัสดุ หรือ Foot Courier ที่รับของจากรถกลางเมืองแล้ววิ่งส่งในระยะใกล้แบบรวดเร็ว
แนวทางที่ธุรกิจโลจิสติกส์ในไทยอาจนำมาปรับใช้
ใช้ จักรยานพ่วง หรือ จักรยานไฟฟ้า ในเขตเมืองชั้นใน เช่น สยาม สีลม อารีย์ ที่มีตรอกซอกซอยเยอะและรถยนต์เข้ายาก
ออกแบบ เส้นทาง Last-Mile ให้ใช้แรงงานคนส่งในช่วงสุดท้าย โดยรับของจากศูนย์กระจายที่อยู่ใกล้ลูกค้า
เปิดตัวบริการ Green Delivery ที่ลูกค้าเลือกได้ว่าจะให้ส่งแบบไร้คาร์บอน โดยคิดค่าบริการเพิ่มเพียงเล็กน้อย
จัดโครงการพิเศษ เช่น ส่งของด้วยจักรยานทุกวันศุกร์ หรือ บริการส่งด่วนในรัศมี 1 กม. ด้วยนักวิ่ง เพื่อสร้างแบรนด์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องพิจารณา
ความสามารถในการบรรทุก: เหมาะสำหรับพัสดุขนาดเล็กและน้ำหนักไม่มาก
ข้อจำกัดด้านระยะทาง: เหมาะกับระยะใกล้เท่านั้น ไม่เหมาะกับการวิ่งข้ามเขตหรือข้ามจังหวัด
ความปลอดภัย: ต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ไฟท้าย เสื้อมองเห็นได้ง่าย และการประกันภัยสำหรับพนักงาน
สรุป: โลจิสติกส์แห่งอนาคต อาจไม่ต้องใช้พลังงานเลย
ในยุคที่ทุกธุรกิจต้องใส่ใจเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อม การหันกลับมาใช้ "พลังงานคน" อย่างชาญฉลาด อาจกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ทั้งประหยัด คาร์บอนต่ำ และเป็นมิตรกับเมืองใหญ่ที่แออัด
Zero Energy Logistics ไม่ได้หมายถึงการย้อนยุค แต่คือการใช้ทรัพยากรมนุษย์ให้คุ้มค่า ผสานกับเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในโลกที่ต้องการอนาคตที่ยั่งยืน