ทำความรู้จักกับใบ PO (Purchase Order)
อัพเดทล่าสุด: 14 มิ.ย. 2025
95 ผู้เข้าชม
ใบ PO คืออะไร?
ใบสั่งซื้อ (Purchase Order หรือ PO) คือเอกสารหรือหลักฐานที่ฝ่ายจัดซื้อของบริษัทหนึ่งออกให้แก่ผู้ขาย เพื่อแสดงความต้องการสั่งซื้อสินค้า หรือบริการ ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ เช่น ปริมาณ ราคา วันส่งมอบ และเงื่อนไขการชำระเงิน
ใบ PO ถือเป็นข้อตกลงทางธุรกิจอย่างเป็นทางการ และมีผลทางกฎหมายในการซื้อขาย
ข้อมูลสำคัญที่อยู่ในใบ PO
ใบสั่งซื้อที่ดีควรมีข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วน ดังนี้:
- ชื่อบริษัทผู้ซื้อและผู้ขาย
- เลขที่ใบสั่งซื้อ (PO Number)
- รายการสินค้า / บริการ ที่ต้องการสั่งซื้อ
- จำนวนและหน่วยนับ
- ราคาต่อหน่วย และราคารวม
- วันที่สั่งซื้อ และวันที่ต้องการรับของ
- สถานที่จัดส่ง
- เงื่อนไขการชำระเงิน
- ชื่อผู้มีอำนาจลงนาม
ขั้นตอนการใช้งานใบ PO
- ขออนุมัติสั่งซื้อ: เริ่มจากฝ่ายที่ต้องการสินค้าแจ้งความต้องการ
- จัดทำใบ PO: ฝ่ายจัดซื้อทำใบ PO พร้อมตรวจสอบรายละเอียดให้ครบถ้วน
- ส่งใบ PO ให้ผู้ขาย: โดยอีเมลหรือระบบ ERP
- ผู้ขายยืนยันการรับ PO: และเริ่มกระบวนการจัดส่ง
- รับสินค้าและตรวจสอบ: ตรวจสอบว่าตรงตาม PO หรือไม่
- ชำระเงินตามเงื่อนไข: เช่น ภายใน 30 วันหลังส่งของ
ประโยชน์ของใบ PO
- ควบคุมงบประมาณ และตรวจสอบการสั่งซื้อได้
- มีหลักฐานชัดเจนในการตกลงซื้อขาย
- ป้องกันข้อผิดพลาดและความเข้าใจคลาดเคลื่อน
- ช่วยตรวจสอบย้อนกลับกรณีมีปัญหา
- สามารถผูกเข้ากับระบบบัญชีและ ERP ได้
สรุป
ใบสั่งซื้อ (PO) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินงานขององค์กรเป็นระบบ ตรวจสอบง่าย และลดข้อผิดพลาดในการจัดซื้อจัดจ้าง หากบริษัทมีระบบการใช้ใบ PO ที่มีประสิทธิภาพ ย่อมช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยรวม
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในยุคที่ E-commerce เติบโตอย่างก้าวกระโดด ความคาดหวังของลูกค้าไม่ใช่แค่ "ได้รับของ" แต่คือ "ได้รับของเร็วและถูกต้อง" หัวใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านค้าออนไลน์คือระบบหลังบ้านที่แข็งแกร่ง และนั่นคือบทบาทของ "คลังสินค้า Fulfillment" ซึ่งเป็นมากกว่าแค่โกดังเก็บของ แต่เปรียบเสมือนศูนย์บัญชาการที่จัดการทุกอย่างตั้งแต่การจัดเก็บ, แพ็ค, ไปจนถึงการจัดส่ง
แล้วเราจะบริหารจัดการคลังสินค้าด้วยระบบ Fulfillment อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด? มาดูเคล็ดลับสำคัญกันครับ
24 ก.ค. 2025
ลองนึกภาพคลังสินค้าแบบดั้งเดิม ที่ชั้นวาง A ต้องเก็บแต่สินค้า A เท่านั้น และชั้นวาง B ก็ต้องเก็บเฉพาะสินค้า B... แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสินค้า A หมดสต็อก? พื้นที่ตรงนั้นก็จะถูกปล่อยให้ว่างเปล่าโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่าเราจะมีสินค้า C ล้นคลังจนไม่มีที่เก็บก็ตาม
ปัญหานี้คือจุดอ่อนของระบบการจัดเก็บแบบกำหนดตำแหน่งตายตัว (Fixed Location) แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ Random Location System หรือ การจัดเก็บแบบสุ่มตำแหน่ง แนวคิดอัจฉริยะที่กำลังปฏิวัติการจัดการคลังสินค้าและบริการ Fulfillment ทั่วโลก
24 ก.ค. 2025
เราจะมาทำความรู้จักกับ 3 ระบบที่เปรียบเสมือน "หัวใจหลัก" ของการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล และมาดูกันว่าสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุอย่าง BS Express ระบบเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับพาร์ทเนอร์ของเราได้อย่างไร
24 ก.ค. 2025