แชร์

ระบบ Booking พังบ่อย แก้ยังไงให้เสถียรขึ้นในระยะยาว

ร่วมมือ.jpg Contact Center
อัพเดทล่าสุด: 28 พ.ค. 2025
451 ผู้เข้าชม

ระบบ Booking พังบ่อย แก้ยังไงให้เสถียรขึ้นในระยะยาว

ระบบ Booking หรือระบบจองออนไลน์ กลายเป็นหัวใจหลักของหลายธุรกิจในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการจองรถ จองคลังสินค้า หรือจองบริการต่าง ๆ แต่เมื่อระบบ "พังบ่อย" หรือล่มในช่วงที่มีผู้ใช้งานเยอะ ย่อมส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า และความน่าเชื่อถือของแบรนด์อย่างรุนแรง แล้วเราจะแก้ปัญหาระบบ Booking ที่ไม่เสถียร ให้กลับมา นิ่ง และรองรับการเติบโตได้ในระยะยาวได้อย่างไร?

สาเหตุที่ทำให้ระบบ Booking พังบ่อย

1.โครงสร้างฐานข้อมูลไม่เหมาะสม

  • ใช้ Query ซับซ้อนหรือไม่มี Index ทำให้ช้าตอนมีผู้ใช้งานจำนวนมาก
  • ไม่มีการ Normalize หรือจัดการความสัมพันธ์ระหว่างตารางอย่างถูกต้อง

2.Server หรือ Cloud Resource ไม่เพียงพอ

  • ใช้ Hosting ที่มีสเปกต่ำ
  • ไม่มี Auto Scaling หรือ Load Balancing

3.ไม่มีระบบตรวจจับข้อผิดพลาด (Error Logging) ที่ดี

  • ระบบล่มแล้วไม่รู้ว่าเกิดจากจุดไหน
  • ต้องรอผู้ใช้แจ้งก่อนจึงรู้ปัญหา

4.ระบบไม่ผ่านการทดสอบที่รัดกุม

  • ไม่มีการทำ Load Testing
  • ไม่เคยทดสอบการทำงานแบบ Real Scenario

5.ไม่มีระบบสำรองหรือ Failover

  • เมื่อระบบหลักล่ม ก็ไม่มีระบบสำรองมารองรับทันที

 

แนวทางการแก้ปัญหาให้ระบบ Booking เสถียรในระยะยาว

1.ปรับปรุงโครงสร้างฐานข้อมูล

  • ใช้ Index ให้เหมาะสมกับ Query ที่ใช้งานบ่อย
  • แยก Table ตามหลัก Normalization และใช้ Foreign Key เชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ
  • หลีกเลี่ยงการ Query แบบ JOIN หลายชั้น หากจำเป็นให้ใช้ View หรือ Materialized View

2.เลือกใช้ Server หรือ Cloud ที่มีความยืดหยุ่น

  • ย้ายระบบไปยัง Cloud Provider ที่รองรับ Auto Scaling เช่น AWS, GCP, Azure
  • ใช้ Load Balancer เพื่อกระจายภาระให้หลายเครื่อง
  • ตั้งค่าระบบ Monitoring และ Alert ผ่านเครื่องมืออย่าง Prometheus + Grafana หรือ New Relic

3.พัฒนาให้รองรับ Error Handling อย่างรัดกุม

  • สร้างระบบ Logging ที่ดี เช่นใช้ ELK Stack (Elasticsearch + Logstash + Kibana)
  • แสดงข้อความ Error ที่เข้าใจง่ายให้กับผู้ใช้งาน พร้อมบันทึก Error Internally
  • ตรวจสอบ Error Log ทุกวันและวิเคราะห์แนวโน้ม

4.ทำ Automated Testing และ Load Testing

  • ใช้ Unit Test, Integration Test และ End-to-End Test ผ่านเครื่องมืออย่าง Jest, Cypress หรือ Postman
  • ทำ Load Testing ด้วย JMeter หรือ k6 เพื่อดูจุดที่ระบบจะเริ่มช้า
  • วาง Performance Baseline และทำการ Optimize อย่างต่อเนื่อง

5.สร้างระบบสำรองและวางแผน DR (Disaster Recovery)

  • ทำระบบ Failover สำหรับ Database และ Backend Server
  • Backup ข้อมูลทุกวัน พร้อมระบบ Restore ที่ทดสอบแล้ว
  • เตรียม Playbook หรือ SOP เมื่อระบบล่ม เพื่อแก้ไขได้รวดเร็ว

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำไมค่าส่งแต่ละเจ้าไม่เท่ากัน? : แบไต๋โครงสร้างราคาขนส่ง (น้ำหนัก vs ปริมาตร vs ระยะทาง)
กล่องเท่ากัน แต่ทำไมราคาต่างกันฟ้ากับเหว? เคยไหมครับ? ถือกล่องพัสดุใบเดิม ไปส่งที่ขนส่งเจ้าสีแดง ราคา 50 บาท พอไปอีกเจ้าสีส้ม ราคา 80 บาท แต่พอไปส่งขนส่งรถสิบล้อ ราคาเหลือแค่ 40 บาท! หลายคนคิดว่าการตั้งราคาค่าส่งเป็นเรื่องของการตลาด (ใครจัดโปรฯ ถูกกว่าก็ชนะ) แต่ความจริงแล้ว เบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้นมี "สมการคณิตศาสตร์" ซ่อนอยู่ครับ วันนี้ BS Express จะมา "แบไต๋" โครงสร้างราคาขนส่งแบบหมดเปลือก เพื่อให้คุณเข้าใจว่าเงินที่คุณจ่ายไป ถูกนำไปคำนวณจากอะไรบ้าง และจะเลือกขนส่งแบบไหนให้ประหยัดเงินในกระเป๋าที่สุด!
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
27 ธ.ค. 2025
Marketing 2026: เมื่อ AI เข้ามาแย่งงาน หรือช่วยสร้างยอดขาย? ปรับตัวอย่างไรให้รอด
Marketing 2026: เมื่อ AI บุก! จะถูก "แย่งงาน" หรือได้ "ผู้ช่วย" สร้างยอดขาย? เผยวิธีปรับตัวให้รอด
ร่วมมือ.jpg Contact Center
25 ธ.ค. 2025
สุขอนามัยในการขนส่งอาหารและยา (Food & Pharma Logistics)
ความสะอาดคือชีวิต! เจาะลึกมาตรฐานสุขอนามัยในการขนส่งอาหารและยา (Food & Pharma Logistics)
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน
25 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ