แชร์

AI จะมาแทนคนตัดต่อวิดีโอจริงไหม? มองอนาคตของงานตัดต่อ

ออกแบบโลโก้__5_.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 10 พ.ค. 2025
5 ผู้เข้าชม

AI จะมาแทนคนตัดต่อวิดีโอจริงไหม? มองอนาคตของงานตัดต่อ

ในโลกที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามามีบทบาทในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงวงการผลิตวิดีโอ คำถามที่หลายคนสงสัยคือ AI จะเข้ามาแทนที่นักตัดต่อวิดีโอที่เป็นมนุษย์ได้จริงหรือไม่? บทความนี้จะพาคุณไปวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้และอนาคตของงานตัดต่อวิดีโอในยุค AI

 

AI ในงานตัดต่อวิดีโอ: ปัจจุบันทำอะไรได้บ้าง?

ปัจจุบัน AI ได้เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักตัดต่อวิดีโอในหลายด้าน เช่น:

  • การตัดต่อเบื้องต้นอัตโนมัติ: AI สามารถวิเคราะห์ฟุตเทจ ระบุฉากที่น่าสนใจ และทำการตัดต่อเบื้องต้นได้โดยอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาในการคัดเลือกช็อต
  • การใส่คำบรรยายอัตโนมัติ: AI สามารถถอดเสียงจากวิดีโอและสร้างคำบรรยาย (Subtitles) ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • การปรับสีและแสง: AI บางตัวสามารถวิเคราะห์สีและแสงในวิดีโอ และปรับแต่งให้มีความสวยงามและสมดุลได้โดยอัตโนมัติ
  • การลบเสียงรบกวน: AI สามารถช่วยลดหรือกำจัดเสียงรบกวนที่ไม่พึงประสงค์ออกจากคลิปวิดีโอได้
  • การสร้างสรรค์เอฟเฟกต์พิเศษ: AI เริ่มมีบทบาทในการสร้างเอฟเฟกต์พิเศษที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น
  • การสร้างวิดีโอจากข้อความ: เครื่องมือ AI บางตัวสามารถสร้างวิดีโอจากสคริปต์หรือบทความบล็อกได้โดยอัตโนมัติ (ดังที่ได้กล่าวไปในบทความก่อนหน้า)

 

เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้นักตัดต่อสามารถทำงานที่ซ้ำซากและใช้เวลานานได้อย่างรวดเร็วขึ้น ทำให้มีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และศิลปะมากขึ้น

 

 ข้อจำกัดของ AI ในงานตัดต่อวิดีโอ

แม้ว่า AI จะมีความสามารถที่น่าทึ่ง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ทำให้การแทนที่นักตัดต่อที่เป็นมนุษย์ทั้งหมดเป็นเรื่องยากในปัจจุบัน:

  • ความคิดสร้างสรรค์และสุนทรียภาพ: การตัดต่อวิดีโอไม่ใช่แค่การนำฟุตเทจมาเรียงต่อกัน แต่เป็นการสร้างเรื่องราว อารมณ์ และความรู้สึกผ่านการเลือกจังหวะ การใช้ภาพ และเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์และสุนทรียภาพของมนุษย์
  • ความเข้าใจในบริบทและวัตถุประสงค์: นักตัดต่อที่เป็นมนุษย์สามารถเข้าใจบริบทของงาน วัตถุประสงค์ของวิดีโอ และกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเลือกช็อตและวิธีการเล่าเรื่อง
  • การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า: ในกระบวนการตัดต่อ อาจมีปัญหาที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และไหวพริบของนักตัดต่อในการแก้ไข
  • การทำงานร่วมกับผู้อื่น: การตัดต่อวิดีโอส่วนใหญ่มักเป็นการทำงานร่วมกับผู้กำกับ ผู้ผลิต หรือลูกค้า ซึ่งต้องอาศัยทักษะการสื่อสารและการทำงานเป็นทีมของมนุษย์
  • การตีความความต้องการที่ไม่ชัดเจน: บางครั้งลูกค้าอาจมีไอเดียที่ไม่ชัดเจน หรือมีการเปลี่ยนแปลงความต้องการระหว่างการทำงาน ซึ่งนักตัดต่อที่เป็นมนุษย์สามารถตีความและปรับตัวได้ดีกว่า AI

 

อนาคตของนักตัดต่อวิดีโอในยุค AI

แทนที่จะมองว่า AI จะเข้ามา "แทนที่" นักตัดต่อวิดีโอทั้งหมด มีความเป็นไปได้มากกว่าที่ AI จะเข้ามาเป็น "เครื่องมือ" ที่ทรงพลัง เพื่อช่วยเสริมศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของนักตัดต่อ

ในอนาคต เราอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงในบทบาทของนักตัดต่อวิดีโอ โดยพวกเขาอาจจะต้อง

  • เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือ AI: ทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์และฟีเจอร์ AI ต่างๆ ในการตัดต่อ
  • เน้นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และกลยุทธ์: โฟกัสไปที่การวางแผนเรื่องราว การสร้างสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และการสื่อสารวิสัยทัศน์ผ่านวิดีโอ
  • ทำงานร่วมกับ AI อย่างราบรื่น: มอง AI เป็นผู้ช่วยที่สามารถจัดการงานที่ซ้ำซากได้ เพื่อให้มีเวลาไปสร้างสรรค์งานที่ซับซ้อนมากขึ้น
  • พัฒนาทักษะใหม่ๆ: เรียนรู้ทักษะที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI เช่น การให้คำสั่ง (Prompt Engineering) เพื่อให้ AI ทำงานได้ตามต้องการ

 

สรุป
แม้ว่า AI จะมีความก้าวหน้าอย่างมากในงานตัดต่อวิดีโอ แต่ในปัจจุบันยังไม่สามารถทดแทนความคิดสร้างสรรค์ สุนทรียภาพ ความเข้าใจบริบท และทักษะการสื่อสารของนักตัดต่อที่เป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์

อนาคตที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI โดย AI จะเข้ามาช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซากและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ในขณะที่นักตัดต่อที่เป็นมนุษย์จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์เรื่องราวที่น่าประทับใจและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น แทนที่จะกังวลว่า AI จะมาแทนที่งานตัดต่อวิดีโอ นักตัดต่อควรเปิดใจเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จาก AI ในการยกระดับคุณภาพงานและสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นยิ่งขึ้น  




บทความที่เกี่ยวข้อง
Digital Twin กับการจำลองคลังสินค้าแบบเสมือนจริง
ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การบริหารจัดการคลังสินค้าก็ได้รับผลกระทบเชิงบวกอย่างมาก หนึ่งในเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและวิธีทำงานในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์คือ Digital Twin หรือ “ฝาแฝดดิจิทัล” ซึ่งช่วยให้เราสามารถจำลองคลังสินค้าในรูปแบบเสมือนจริงได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
10 พ.ค. 2025
Samsung Galaxy AI: ยุคใหม่ของสมาร์ทโฟนที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์
Samsung Galaxy AI: ยุคใหม่ของสมาร์ทโฟนที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์
Notify.png พี่ปี
10 พ.ค. 2025
การใช้ระบบดิจิทัลในการติดตามและจัดการพัสดุ
การใช้ระบบดิจิทัลในการติดตามและจัดการพัสดุ เพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ ลดข้อผิดพลาด และเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้า
Notify.png พี่ปี
10 พ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ