ทรัมป์ขึ้นภาษี? ไม่เป็นไร ขนส่งไทยมีแผน B
1. กระจายเส้นทาง ไม่ผูกกับแค่ตลาดสหรัฐฯ
ผู้ประกอบการเริ่มมองหา ตลาดใหม่ ในเอเชีย เช่น จีน อินเดีย เวียดนาม หรือกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม)
เพราะประเทศเหล่านี้ยังมีความต้องการนำเข้า-ส่งออกสูง และไม่โดนภาษีโหดจากอเมริกา
2. ปรับระบบโลจิสติกส์ให้ฉลาดขึ้น
ใช้ เทคโนโลยีช่วยบริหารเส้นทางขนส่ง ลดต้นทุน เช่น GPS, AI วางเส้นทาง, Big Data คาดการณ์การจราจร
ปรับการจัดเก็บคลังสินค้าแบบ Just-in-time ลดการสต๊อกของที่ไม่จำเป็น
3. หันไปใช้ระบบขนส่งทางรางและทางเรือมากขึ้น
เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนขนส่งทางถนนที่พุ่งสูงจากราคาน้ำมัน
การขนส่งทางรางมีต้นทุนต่อหน่วยถูกกว่า และเป็นที่สนใจของรัฐอยู่แล้ว (เช่น รถไฟจีน-ลาว)
4. เปลี่ยนจาก ขนของ เป็น ขนโซลูชัน
ธุรกิจขนส่งที่รอดในยุคนี้คือพวกที่ ไม่ใช่แค่ส่งของ แต่เสนอแพ็กเกจครบวงจร เช่น:
จัดหาพาร์ทเนอร์ขนส่ง
ช่วยเคลียร์ภาษี
ให้ระบบติดตามสถานะเรียลไทม์
5. จับมือกับแพลตฟอร์ม E-commerce และสตาร์ทอัป
เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป คนสั่งของออนไลน์เยอะขึ้น
การร่วมมือกับ Lazada, Shopee, หรือ Fulfillment Center เล็กๆ ช่วยขยายงานขนส่งแบบรายย่อยที่เติบโตไว
แผน B ของขนส่งไทย ไม่ใช่แค่รอด แต่ ต้องฉลาดขึ้น ปรับตัวไว และขยายเกมไปนอกกรอบเดิม