เงินเฟ้อ inflation
อัพเดทล่าสุด: 3 เม.ย. 2025
188 ผู้เข้าชม
ที่มาของคำว่า "เงินเฟ้อ"
คำว่า "เงินเฟ้อ" (Inflation) มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน "inflatio" ซึ่งแปลว่า "การขยายตัว" คำนี้เริ่มถูกนำมาใช้ในเชิงเศรษฐศาสตร์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยในช่วงแรกหมายถึงการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ แต่ในปัจจุบันคำว่าเงินเฟ้อถูกใช้เพื่ออธิบายภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความหมายของเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อหมายถึงการลดลงของมูลค่าของเงิน เนื่องจากระดับราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าและบริการในปริมาณเท่าเดิม โดยทั่วไป เงินเฟ้อสามารถวัดได้จาก ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) หรือ ดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index: PPI) ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาในระบบเศรษฐกิจ
สาเหตุของเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น:
เงินเฟ้อจากอุปสงค์ (Demand-Pull Inflation) เกิดจากความต้องการสินค้าหรือบริการที่เพิ่มขึ้น จนทำให้ราคาสูงขึ้น
เงินเฟ้อจากต้นทุน (Cost-Push Inflation) เกิดจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าจ้างหรือราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วย
เงินเฟ้อจากนโยบายการเงิน (Monetary Inflation) เกิดจากการขยายตัวของปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ เช่น การที่ธนาคารกลางพิมพ์เงินเพิ่มขึ้น
ผลกระทบของเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อมีทั้งผลกระทบในทางบวกและทางลบขึ้นอยู่กับระดับของเงินเฟ้อ
ผลกระทบเชิงบวก: ในบางกรณี เงินเฟ้อในระดับปานกลางสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการใช้จ่ายและการลงทุน
ผลกระทบเชิงลบ: หากเงินเฟ้อสูงเกินไป อำนาจซื้อของประชาชนจะลดลง ค่าครองชีพสูงขึ้น และอาจก่อให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
วิธีการควบคุมเงินเฟ้อ
เพื่อป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อสูงเกินไป รัฐบาลและธนาคารกลางมักใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น:
นโยบายการเงิน (Monetary Policy) ปรับอัตราดอกเบี้ย หรือควบคุมปริมาณเงินในระบบ
นโยบายการคลัง (Fiscal Policy) ควบคุมรายจ่ายภาครัฐ หรือเพิ่มภาษีเพื่อลดการใช้จ่ายของประชาชน
การบริหารราคาสินค้า ออกมาตรการควบคุมราคาสินค้าจำเป็นเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน
เงินเฟ้อเป็นปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากมีการบริหารจัดการที่ดี เงินเฟ้อสามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ แต่หากปล่อยให้สูงเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำความเข้าใจสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการควบคุมเงินเฟ้อจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งผู้บริโภค นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจ
คำว่า "เงินเฟ้อ" (Inflation) มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน "inflatio" ซึ่งแปลว่า "การขยายตัว" คำนี้เริ่มถูกนำมาใช้ในเชิงเศรษฐศาสตร์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยในช่วงแรกหมายถึงการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ แต่ในปัจจุบันคำว่าเงินเฟ้อถูกใช้เพื่ออธิบายภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความหมายของเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อหมายถึงการลดลงของมูลค่าของเงิน เนื่องจากระดับราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าและบริการในปริมาณเท่าเดิม โดยทั่วไป เงินเฟ้อสามารถวัดได้จาก ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) หรือ ดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index: PPI) ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาในระบบเศรษฐกิจ
สาเหตุของเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น:
เงินเฟ้อจากอุปสงค์ (Demand-Pull Inflation) เกิดจากความต้องการสินค้าหรือบริการที่เพิ่มขึ้น จนทำให้ราคาสูงขึ้น
เงินเฟ้อจากต้นทุน (Cost-Push Inflation) เกิดจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าจ้างหรือราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วย
เงินเฟ้อจากนโยบายการเงิน (Monetary Inflation) เกิดจากการขยายตัวของปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ เช่น การที่ธนาคารกลางพิมพ์เงินเพิ่มขึ้น
ผลกระทบของเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อมีทั้งผลกระทบในทางบวกและทางลบขึ้นอยู่กับระดับของเงินเฟ้อ
ผลกระทบเชิงบวก: ในบางกรณี เงินเฟ้อในระดับปานกลางสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการใช้จ่ายและการลงทุน
ผลกระทบเชิงลบ: หากเงินเฟ้อสูงเกินไป อำนาจซื้อของประชาชนจะลดลง ค่าครองชีพสูงขึ้น และอาจก่อให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
วิธีการควบคุมเงินเฟ้อ
เพื่อป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อสูงเกินไป รัฐบาลและธนาคารกลางมักใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น:
นโยบายการเงิน (Monetary Policy) ปรับอัตราดอกเบี้ย หรือควบคุมปริมาณเงินในระบบ
นโยบายการคลัง (Fiscal Policy) ควบคุมรายจ่ายภาครัฐ หรือเพิ่มภาษีเพื่อลดการใช้จ่ายของประชาชน
การบริหารราคาสินค้า ออกมาตรการควบคุมราคาสินค้าจำเป็นเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน
เงินเฟ้อเป็นปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากมีการบริหารจัดการที่ดี เงินเฟ้อสามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ แต่หากปล่อยให้สูงเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำความเข้าใจสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการควบคุมเงินเฟ้อจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งผู้บริโภค นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจ
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
Urban Underground Logistics จึงถูกเสนอเป็นแนวทางใหม่ การสร้าง “อุโมงค์ลำเลียงพัสดุใต้ดิน” ที่ทำงานเงียบ ปลอดภัย และลดการใช้ถนนบนดิน
21 ส.ค. 2025
รถบรรทุกไฟฟ้า (EV Truck) กำลังถูกพูดถึงมากขึ้นในวงการโลจิสติกส์ เพราะช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันและลดการปล่อยคาร์บอน แต่ปัญหาหนึ่งที่ยังคงท้าทายคือ “ระยะทางและการชาร์จ” นี่คือจุดที่แนวคิด Energy Sharing Fleet หรือ “การโอนพลังงานระหว่างรถ” เข้ามามีบทบาท
21 ส.ค. 2025
การออกแบบกราฟิกให้ลูกค้าจำแบรนด์ได้ใน 3 นาที คือการสร้างความประทับใจแรกพบที่ชัดเจนและติดตา นี่คือ 4 ข้อหลักที่ช่วยให้ทำได้สำเร็จ
21 ส.ค. 2025