Loss Leader Pricing การตั้งราคาแบบล่อใจลูกค้าด้วยราคาต่ำ
อัพเดทล่าสุด: 3 ก.พ. 2025
439 ผู้เข้าชม

Loss Leader Pricing การตั้งราคาแบบล่อใจลูกค้าด้วยราคาต่ำ
การตั้งราคาแบบ Loss Leader (Loss Leader Pricing) คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ธุรกิจตั้งราคาสินค้าบางรายการต่ำกว่าต้นทุน เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการ หรือซื้อสินค้าอื่นๆ ที่มีกำไรมากขึ้น โดยหวังว่าลูกค้าจะซื้อสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมเมื่อมาที่ร้าน
ทำไมต้องใช้กลยุทธ์ Loss Leader?
- ดึงดูดลูกค้าใหม่: ราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งจะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาลองใช้บริการหรือสินค้า
- เพิ่มยอดขายสินค้าอื่นๆ: เมื่อลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าราคาถูก พวกเขามักจะซื้อสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดี: การเป็นที่รู้จักในเรื่องราคาที่ถูก อาจช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์
- เพิ่มการจราจรในร้านค้า: การลดราคาสินค้าบางรายการจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าที่เข้ามาในร้าน
ตัวอย่างของสินค้าที่มักใช้กลยุทธ์ Loss Leader
- สินค้าอุปโภคบริโภค: เช่น ไข่ไก่ นม น้ำอัดลม
- สินค้าอิเล็กทรอนิกส์: เช่น สายชาร์จ หูฟัง
- สินค้าประจำวัน: เช่น กระดาษทิชชู ยาสีฟัน
ข้อดีของการใช้กลยุทธ์ Loss Leader
- เพิ่มยอดขาย: สามารถเพิ่มยอดขายโดยรวมของธุรกิจได้
- สร้างความภักดีของลูกค้า: ลูกค้าจะรู้สึกว่าได้รับประโยชน์จากการซื้อสินค้า
- สร้างการรับรู้แบรนด์: ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ข้อเสียของการใช้กลยุทธ์ Loss Leader
- ลดกำไร: การขายสินค้าต่ำกว่าต้นทุนจะทำให้ธุรกิจขาดทุนในส่วนของสินค้าเหล่านั้น
- กระตุ้นการแข่งขันด้านราคา: คู่แข่งอาจลดราคาตามมา
- ลูกค้าอาจซื้อเฉพาะสินค้าราคาถูก: ลูกค้าอาจจะไม่สนใจซื้อสินค้าอื่นๆ ที่มีกำไร
เมื่อไรควรใช้กลยุทธ์ Loss Leader
- เมื่อต้องการเพิ่มยอดขาย: ถ้าธุรกิจต้องการเพิ่มยอดขายโดยรวม
- เมื่อมีสินค้าใหม่: ใช้สินค้าใหม่เป็นตัวล่อเพื่อให้ลูกค้าได้ลองใช้
- เมื่อต้องการแข่งขันกับคู่แข่ง: ใช้เพื่อดึงลูกค้าจากคู่แข่งมา
- เมื่อมีสินค้าคงคลังมากเกินไป: ใช้เพื่อเคลียร์สินค้าคงคลัง
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนใช้กลยุทธ์ Loss Leader
- ต้นทุน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าธุรกิจสามารถรับภาระต้นทุนที่สูญเสียได้
- กลุ่มเป้าหมาย: เลือกสินค้าที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
- คู่แข่ง: วิเคราะห์กลยุทธ์ของคู่แข่ง
- ผลกระทบระยะยาว: พิจารณาผลกระทบระยะยาวต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์
การตั้งราคาแบบ Loss Leader เป็นกลยุทธ์ที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความสนใจให้กับธุรกิจได้ แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูง หลายแบรนด์มักตกหลุมพรางที่ง่ายที่สุดในการดึงดูดลูกค้า นั่นคือ "การลดราคา"
จริงอยู่ที่การลดราคาดึงดูดสายตาได้รวดเร็ว แต่มันก็เป็นกลยุทธ์ที่บั่นทอนกำไรและคุณค่าของแบรนด์ในระยะยาว คำถามคือ... จะทำอย่างไรให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ โดยที่เราไม่ต้องสาด "ป้ายแดง" ลดแหลกเพียงอย่างเดียว?
คำตอบอยู่ที่ "จิตวิทยาการตั้งราคา" (Pricing Psychology) ศิลปะและวิทยาศาสตร์ของการนำเสนอตัวเลขที่ไม่ได้สื่อถึง "ต้นทุน" แต่สื่อถึง "คุณค่า" ที่ลูกค้ารับรู้ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจกลยุทธ์การตั้งราคาที่ลึกซึ้งกว่าการหั่นราคา และสร้างยอดขายได้อย่างยั่งยืน
29 ต.ค. 2025
ในโลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven World) การ "เดา" หรือ "คาดการณ์" จากความรู้สึก อาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีพออีกต่อไป คู่แข่งของคุณกำลังก้าวไปข้างหน้า และลูกค้าก็มีความคาดหวังที่สูงขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญคือ: จะเป็นอย่างไร ถ้าคุณสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่ายอดขายในไตรมาสหน้าจะเป็นเท่าไหร่? หรือลูกค้าคนไหนกำลังจะเลิกใช้บริการของคุณ?
27 ต.ค. 2025
ในโลกของการแข่งขัน B2B (Business-to-Business) ที่ดุเดือด "เวลา" คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของทีมขาย แต่บ่อยครั้งแค่ไหนที่ทีมขายระดับท็อปของคุณต้องหมดเวลาไปกับการไล่ตาม Lead ที่ยังไม่พร้อม, การส่งอีเมล Follow-up ซ้ำๆ, หรือการคัดกรองข้อมูลลูกค้าด้วยมือ?
24 ต.ค. 2025
BANKKUNG

Contact Center

