อุตสาหกรรม 4.0 คืออะไร? มีวิธีรับมืออย่างไร?
อัพเดทล่าสุด: 13 ธ.ค. 2024
829 ผู้เข้าชม

อุตสาหกรรม 4.0 เป็นชื่อที่ได้จากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งในแต่ละครั้งจะมีการดึงเอาเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งกระบวนการผลิต เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์และแรงงานที่เปลี่ยนไป
การปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตและระบบการผลิต จากจุดเริ่มต้นที่ผลิตกันในรูปแบบของพ่อค้าที่เป็นนายทุน จัดหาวัตถุดิบมาจ้างให้แรงงานผลิตด้วยฝีมือและใช้เครื่องมือแบบง่ายๆ เมื่อมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตจึงหันมาใช้เครื่องจักรกลแทนแรงงานคน ตั้งแต่งานผลิตง่ายๆ ไปจนถึงการผลิตที่มีรูปแบบซับซ้อน กลายมาเป็นการผลิตในรูปแบบโรงงาน (Factory System)
สู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
หลังจากที่มีการเปลี่ยนเข้าสู่การกระบวนการผลิตจากช่างฝีมือไปสู่รูปแบบโรงงาน ก็มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาแล้ว 4 ครั้ง โดยเริ่มจาก
-การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 เป็นยุคที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำจากพลังงานถ่านหินในระบบรถไฟและโรงงาน แรงงานเปลี่ยนจากเกษตรกร ช่างฝีมือ เข้าสู่การทำงานในโรงงานขนาดเล็ก
-การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 ยุคพลังงานใหม่จากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้า การผลิตเป็นระบบสายพานที่เน้นการผลิตแบบ Mass Production ในปริมาณมากและรวดเร็ว แรงงานเข้ามาทำงานในระบบโรงงานที่ใหญ่มากขึ้น
-การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 มีการนำเอา IT (Information Technology) และคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรม ทำให้เกิดเครื่องจักรอัตโนมัติและหุ่นยนต์ แรงงงานบางส่วนจึงถูกหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนที่
-การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Industry4.0) เป็นการนำเอาโลกของการผลิต มาเชื่อมต่อกับเครือข่ายในรูปแบบ IoT (Internet of Things) ซึ่งทำให้กระบวนการผลิตสินค้าเชื่อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล การนำสินค้าไปเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี รวมไปถึงการทำงานของแรงงานที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยให้งานผลิตสำเร็จได้รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
หลังจากที่มีการเปลี่ยนเข้าสู่การกระบวนการผลิตจากช่างฝีมือไปสู่รูปแบบโรงงาน ก็มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาแล้ว 4 ครั้ง โดยเริ่มจาก
-การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 เป็นยุคที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำจากพลังงานถ่านหินในระบบรถไฟและโรงงาน แรงงานเปลี่ยนจากเกษตรกร ช่างฝีมือ เข้าสู่การทำงานในโรงงานขนาดเล็ก
-การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 ยุคพลังงานใหม่จากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้า การผลิตเป็นระบบสายพานที่เน้นการผลิตแบบ Mass Production ในปริมาณมากและรวดเร็ว แรงงานเข้ามาทำงานในระบบโรงงานที่ใหญ่มากขึ้น
-การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 มีการนำเอา IT (Information Technology) และคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรม ทำให้เกิดเครื่องจักรอัตโนมัติและหุ่นยนต์ แรงงงานบางส่วนจึงถูกหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนที่
-การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Industry4.0) เป็นการนำเอาโลกของการผลิต มาเชื่อมต่อกับเครือข่ายในรูปแบบ IoT (Internet of Things) ซึ่งทำให้กระบวนการผลิตสินค้าเชื่อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล การนำสินค้าไปเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี รวมไปถึงการทำงานของแรงงานที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยให้งานผลิตสำเร็จได้รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
สิ่งควรเตรียมรับมือให้พร้อม คือในเรื่องของแรงงานที่จะมีเทคโนโลยีเข้ามาทำงานทดแทนแรงงาน ทำให้การเตรียมพร้อมในทักษะของแรงงานจะต้องสอดคล้องไปกับการพัฒนาของเทคโนโลยีด้วย เพื่อให้สามารถพัฒนาฝีมือและแข่งขันกับตลาดแรงงานในต่างประเทศได้
โดยการเตรียมพร้อมคนกำลังจะเริ่มทำงานใหม่ และใส่ใจคนทำงานเดิม ผ่านทักษะแรงงานที่จำเป็นในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ได้แก่
-การคิดวิเคราะห์ การคิดเชิงลึก สังเคราะห์ข้อมูลที่หลากหลาย
-การแก้ไขปัญหา
-ความคิดสร้างสรรค์
-การทำงานร่วมกับสังคม
-วุฒิภาวะทางอารมณ์
โดยการเตรียมพร้อมคนกำลังจะเริ่มทำงานใหม่ และใส่ใจคนทำงานเดิม ผ่านทักษะแรงงานที่จำเป็นในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ได้แก่
-การคิดวิเคราะห์ การคิดเชิงลึก สังเคราะห์ข้อมูลที่หลากหลาย
-การแก้ไขปัญหา
-ความคิดสร้างสรรค์
-การทำงานร่วมกับสังคม
-วุฒิภาวะทางอารมณ์
ปฏิรูปตั้งแต่การผลิตแรงงานของสถานศึกษา
เมื่ออุตสาหกรรมในอนาคตกำลังจะเปลี่ยนไป สถานศึกษาต้องมุ่งสร้างแรงงานให้มีคุณสมบัติที่พร้อมกับการทำงานร่วมไปกับเทคโนโลยี ซึ่งได้แก่
1. เรียนรู้ใหม่ได้ตลอดชีวิต
การเรียนรู้จะไม่ใช่การเรียนจบแล้วออกไปทำงาน แต่ผู้ที่ออกมาทำงานแล้วจะต้องเรียนรู้และพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง และต้องมีความรู้พื้นฐานที่เข้มแข็ง กล่าวคือต้องไม่หยุดที่จะเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่
2. มีความคิดสร้างสรรค์
สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ จากการได้ฝึกเป็นคนที่ช่างคิดวิเคราะห์ ชอบตั้งคำถาม รวมไปถึงแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์
3. เข้าใจการทำงานของเทคโนโลยี
ทุกสิ่งในยุค 4.0 ทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ นั้นถูกทำลายลง ซึ่งการเข้าใจระบบการทำงาน รวมถึงการเปิดรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่เสมอเป็นสิ่งที่จำเป็น
4. ทักษะด้านอารมณ์และ Soft Skills
การพัฒนาทักษะให้สามารถทำงานร่วมกับสังคม รวมถึงการเข้าสังคมได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาตนเองให้มองโลกในแง่บวก เพื่อให้สามารถทำงานได้ดีในโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่
การก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่ไม่ใช่เพียงภาคอุตสาหกรรมและแรงงานที่ต้องเตรียมพร้อมเท่านั้น แต่ทางภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา สถานประกอบการ และประชาชน ก็ต้องมีทั้งความรู้ ทัศนคติ
เมื่ออุตสาหกรรมในอนาคตกำลังจะเปลี่ยนไป สถานศึกษาต้องมุ่งสร้างแรงงานให้มีคุณสมบัติที่พร้อมกับการทำงานร่วมไปกับเทคโนโลยี ซึ่งได้แก่
1. เรียนรู้ใหม่ได้ตลอดชีวิต
การเรียนรู้จะไม่ใช่การเรียนจบแล้วออกไปทำงาน แต่ผู้ที่ออกมาทำงานแล้วจะต้องเรียนรู้และพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง และต้องมีความรู้พื้นฐานที่เข้มแข็ง กล่าวคือต้องไม่หยุดที่จะเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่
2. มีความคิดสร้างสรรค์
สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ จากการได้ฝึกเป็นคนที่ช่างคิดวิเคราะห์ ชอบตั้งคำถาม รวมไปถึงแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์
3. เข้าใจการทำงานของเทคโนโลยี
ทุกสิ่งในยุค 4.0 ทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ นั้นถูกทำลายลง ซึ่งการเข้าใจระบบการทำงาน รวมถึงการเปิดรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่เสมอเป็นสิ่งที่จำเป็น
4. ทักษะด้านอารมณ์และ Soft Skills
การพัฒนาทักษะให้สามารถทำงานร่วมกับสังคม รวมถึงการเข้าสังคมได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาตนเองให้มองโลกในแง่บวก เพื่อให้สามารถทำงานได้ดีในโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่
การก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่ไม่ใช่เพียงภาคอุตสาหกรรมและแรงงานที่ต้องเตรียมพร้อมเท่านั้น แต่ทางภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา สถานประกอบการ และประชาชน ก็ต้องมีทั้งความรู้ ทัศนคติ
BY : Jim
ที่มา : https://shorturl.asia/XhPaL
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
เข้าใจผิดกันเยอะ! ส่งของแล้วของหาย ขนส่งจ่ายคืน 100% หรือไม่? เจาะลึกความต่างระหว่าง "ความรับผิดของผู้ขนส่ง" กับ "ประกันภัยสินค้า" ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้ เพื่อบริหารความเสี่ยงให้ถูกต้อง
26 ธ.ค. 2025
ขายดีแทบตาย...แต่สุดท้ายขาดทุนเพราะ "ของตีกลับ"
"พี่คะ เก็บปลายทางได้ไหม?" ประโยคยอดฮิตที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้ยินแล้วใจฟู เพราะมันหมายถึงโอกาสปิดการขายที่ง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน มันก็คือ "ความเสี่ยง" ครั้งใหญ่ เพราะสถิติปี 2024-2025 พบว่าอัตราการปฏิเสธรับสินค้า (Return Rate) ของระบบ COD สูงกว่าการโอนจ่ายล่วงหน้าถึง 3 เท่า!
เมื่อลูกค้าปฏิเสธรับของ ร้านค้าไม่ได้แค่เสียโอกาสขาย แต่ต้อง "เสียเงินฟรี" ทั้งค่ากล่อง ค่าแพ็ค ค่าส่งไป-กลับ และเสียเวลาเอาของกลับมาสต็อกใหม่ วันนี้ BS Express จะพาคุณไปกางตำราแก้เกม กับ 5 วิธีคัดกรองลูกค้า COD เพื่อป้องกันอาการ "สั่งเล่นแล้วเท" ให้ร้านค้าของคุณเจ็บตัวน้อยที่สุดครับ
26 ธ.ค. 2025
Marketing 2026: เมื่อ AI บุก! จะถูก "แย่งงาน" หรือได้ "ผู้ช่วย" สร้างยอดขาย? เผยวิธีปรับตัวให้รอด
25 ธ.ค. 2025
นักศึกษาฝึกงาน(คลัง)



Contact Center