Jidoka คืออะไร? ระบบการผลิตแบบจิโดกะ
อัพเดทล่าสุด: 5 ธ.ค. 2024
2783 ผู้เข้าชม

Jidoka คือ ภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า Autonomation หรือการควบคุมโดยอัตโนมัติ เป็นวิธีที่ Toyota ใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อลดความผิดพลาดและความสูญเสียจากกระบวนการผลิต (Waste) ด้วยการออกแบบระบบการผลิตให้หยุดเองอัตโนมัติ
สำหรับ Jidoka ที่ Toyota ใช้ในกระบวนการผลิตจะช่วยลดความผิดพลาดในการผลิตด้วยการมีระบบอัตโนมัติ (Autonomation หรือ Jidoka) ที่จะหยุดกระบวนการผลิตเองอัตโนมัติทันทีเมื่อเกิดความผิดพลาดในการผลิต เพื่อแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนที่จะดำเนินการผลิตต่อไป ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดของเสีย (Waste) ที่เกิดจากการผลิตที่มีข้อบกพร่อง
นอกจากนี้ ในการใช้งานระบบ Jidoka อย่างเต็มรูปแบบ เมื่อเกิดกระบวนการที่สร้างปัญหาใด ๆ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาประเมินถึงปัญหาในภายหลังเพื่อขจัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นอีก
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการประกอบชิ้นส่วนเกินเข้าไปในระบบ ระบบอัตโนมัติ Jidoka จะหยุดกระบวนการผลิตชั่วคราว จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเข้าไปจัดการชิ้นส่วนที่เกินก่อนที่จะดำเนินการผลิตต่อ
โดยระบบ Jidoka ที่ Toyota ใช้นั้นจะใช้เป็นสัญญาณไฟที่จะสว่างขึ้นเมื่อเกิดความผิดพลาดในการผลิตขึ้นมา เพื่อส่งสัญญาณให้พนักงานหยุดกระบวนการผลิต และพนักงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไข
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการประกอบชิ้นส่วนเกินเข้าไปในระบบ ระบบอัตโนมัติ Jidoka จะหยุดกระบวนการผลิตชั่วคราว จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเข้าไปจัดการชิ้นส่วนที่เกินก่อนที่จะดำเนินการผลิตต่อ
โดยระบบ Jidoka ที่ Toyota ใช้นั้นจะใช้เป็นสัญญาณไฟที่จะสว่างขึ้นเมื่อเกิดความผิดพลาดในการผลิตขึ้นมา เพื่อส่งสัญญาณให้พนักงานหยุดกระบวนการผลิต และพนักงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไข
ประโยชน์ของระบบ Jidoka
การใช้หลักการของ Jidoka ตลอดกระบวนการผลิตเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบการผลิตของโตโยต้า (Toyota Production System หรือ TPS) จะช่วยบังคับให้ผู้ปฏิบัติงานตรวจสอบตัวเองแก้ไขความไม่สมบูรณ์ในทันที เพื่อลดปริมาณงานในอนาคตที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่อง
จะเห็นว่าประโยชน์หลักของ Jidoka คือ ช่วยป้องกันไม่ให้งานที่มีความผิดพลาดหลุดไปยังกระบวนการต่อไปรวมถึงหลุดไปจนถึงมือลูกค้า
เพราะถ้าชิ้นส่วนที่ประกอบผิดพลาดในตัวอย่างหลุดเข้าไปเป็นชิ้นส่วนในขั้นตอนต่อไป ก็ยากที่จะตรวจสอบหรือยากที่จะรู้ว่าสินค้าชิ้นนั้นมีความผิดพลาด และสุดท้ายสินค้าที่มีปัญหาก็จะถูกส่งไปถึงมือลูกค้า และเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย
จะเห็นว่าประโยชน์หลักของ Jidoka คือ ช่วยป้องกันไม่ให้งานที่มีความผิดพลาดหลุดไปยังกระบวนการต่อไปรวมถึงหลุดไปจนถึงมือลูกค้า
เพราะถ้าชิ้นส่วนที่ประกอบผิดพลาดในตัวอย่างหลุดเข้าไปเป็นชิ้นส่วนในขั้นตอนต่อไป ก็ยากที่จะตรวจสอบหรือยากที่จะรู้ว่าสินค้าชิ้นนั้นมีความผิดพลาด และสุดท้ายสินค้าที่มีปัญหาก็จะถูกส่งไปถึงมือลูกค้า และเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย
ปัญหาที่ตามมาก็จะส่งผลให้ต้นทุกการผลิตสูงขึ้น จาก Reverse Logistics หรือ การส่งสินค้าที่เสียหายกลับมาและต้นทุนในการชดใช้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นความสูญเปล่าตามหลัก 7 Wastes ของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ในส่วนของเครื่องอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับความผิดพลาดได้เองโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์เข้าไปแก้ปัญหายังช่วยทำให้เจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมตลอดเวลา
นอกจากนี้ ในส่วนของเครื่องอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับความผิดพลาดได้เองโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์เข้าไปแก้ปัญหายังช่วยทำให้เจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมตลอดเวลา
BY : Jim
ที่มา : https://shorturl.asia/XOH3v
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
อยากลดต้นทุนค่าแพ็คของ? เลิกใช้บับเบิ้ลห่อทุกอย่าง! เปรียบเทียบ 4 วัสดุกันกระแทกยอดฮิต โฟมตัวหนอน, ถุงลม, กระดาษฝอย อันไหนกันกระแทกดีสุด และอันไหนช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้จริง อ่านเลย!
17 ธ.ค. 2025
จบปัญหา "มาส่งตอนไม่อยู่" สู่ยุคที่ "ลูกค้าเป็นคนคุมเกม"
เคยไหมครับ? สั่งของไปแล้วต้องมานั่งลุ้นว่าขนส่งจะโทรมาตอนไหน พอโทรมาก็ดันติดประชุม หรือพอของมาถึงก็ไม่มีคนอยู่บ้านจนต้องตีของกลับ... นี่คือ Pain Point คลาสสิกที่ทำลายประสบการณ์การซื้อของออนไลน์มานานนับสิบปี
แต่ในปี 2025 ยุคที่ "ลูกค้าคือพระเจ้า" อย่างแท้จริง การขนส่งแบบเดิมที่กำหนดเวลาตายตัว (8.00 - 17.00 น.) กำลังจะตายไป และถูกแทนที่ด้วยเทรนด์ใหม่ที่เรียกว่า "Hyper-Personalized Delivery" หรือ การขนส่งแบบรู้ใจเฉพาะบุคคล
วันนี้ BS Group จะพาคุณไปดูว่า เมื่อการตลาดและโลจิสติกส์มาเจอกัน มันจะเปลี่ยนการส่งของธรรมดา ให้กลายเป็น "บริการที่ลูกค้ารัก" ได้อย่างไร?
17 ธ.ค. 2025
ในงานคลังสินค้า “การหยิบสินค้า (Picking)” เป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามากที่สุด และเป็นจุดที่เกิดต้นทุนแฝงสูง หากพนักงานต้องเดินอ้อม เดินซ้ำ หรือหาของไม่เจอ นั่นหมายถึงเวลาและเงินที่สูญเสียไปโดยไม่จำเป็น
16 ธ.ค. 2025



BS&DC SAI5