แชร์

ควรบริหารธุรกิจต่อไปอย่างไรเมื่อเจอวิกฤตการเงิน

อัพเดทล่าสุด: 3 ธ.ค. 2024
189 ผู้เข้าชม

ปัญหาการเงินในภาวะวิกฤตมีอะไรบ้าง
ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ธุรกิจหลายแห่งต้องเผชิญกับปัญหาการเงินที่หนักหนาสาหัส บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนกำลังเจอวิกฤตที่ยากจะฝ่าฟันไปได้ ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ และการบริหารธุรกิจที่อาจมีจุดบกพร่อง ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหา มีดังนี้

การดำเนินธุรกิจชะลอตัว : ผู้บริโภคหาย รายได้ลดลง ยอดการผลิตตก
ปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน : รายจ่ายมากกว่ารายรับ ทำให้เงินหมุนเวียนไม่พอ
เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ : เศรษฐกิจไม่ดี ทำธุรกิจไม่ได้กำไร ไม่มีเงินจ่ายหนี้ตามกำหนด
หาแหล่งเงินทุนใหม่ยาก : ในช่วงวิกฤต ธนาคารไม่ปล่อยกู้ นักลงทุนชะลอการตัดสินใจ
6 แนวทางการวางแผนรับมือวิกฤตการเงิน
เมื่อเจอวิกฤตการเงิน อย่าพึ่งตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก เพราะในปัจจุบันยังมีหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาในการบริหารธุรกิจ เราขอแนะนำ 6 แนวทางที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้ ดังนี้
1. จำแนกปัญหาและตรวจสอบสถานะการเงินปัจจุบัน
ก่อนจะแก้ปัญหา ต้องรู้ก่อนว่าปัญหาคืออะไร เริ่มจากดูว่าตอนนี้มีเงินสดเหลือเท่าไหร่ พอจะประคองธุรกิจไปได้อีกนานแค่ไหน ลองเทียบผลงานจริงกับแผนที่วางไว้ และดูว่าในการบริหารธุรกิจมีจุดไหนติดขัดบ้าง เช่น สินค้าขาดตลาด คนงานไม่พอ หรือลูกค้าจ่ายเงินช้า แล้วคิดดูว่าต้องใช้เงินเพิ่มอีกเท่าไหร่ เมื่อไหร่ จะได้วางแผนหาเงินทันเวลา

2. ประเมินทรัพยากรที่มี
ให้คุณประเมินดูว่าคุณมีอะไรอยู่บ้าง เช็กวงเงินกู้ที่เหลือกับธนาคาร ดูว่าขอกู้เพิ่มได้ไหม นอกจากนี้ คุณอาจต้องลองมองหาแหล่งเงินอื่น ๆ เช่น เงินเก็บส่วนตัว ญาติพี่น้อง หรือทรัพย์สินที่พอจะแปลงเป็นเงินได้ ถ้าเป็นบริษัท ก็ลองคุยกับผู้ถือหุ้นดูว่าจะช่วยเพิ่มทุนได้ไหม หรือจะมีโครงการช่วยเหลืออะไรจากรัฐบาลที่คุณสามารถขอได้บ้าง

3. ทำแผนบริหารเงินสด
เมื่อรู้ว่ามีเงินเท่าไหร่ ก็ต้องวางแผนบริหารธุรกิจและใช้ให้คุ้ม เริ่มจากจัดลำดับความสำคัญว่าอะไรต้องจ่ายก่อน-หลัง ลองเจรจากับเจ้าหนี้ขอผ่อนผันการชำระหนี้ หรือหาทางเพิ่มเงินทุน อย่าลืมแจ้งสถานการณ์ให้ทุกคนในบริษัทรับรู้ด้วย จะได้ช่วยกันประหยัด ถ้าจำเป็นต้องลดคน ก็อาจต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน HR และที่สำคัญ ต้องหาทางเพิ่มรายได้ด้วย อาจจะทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย หรือหารายได้เสริมจากช่องทางอื่น ๆ

4. เฝ้าระวังวิกฤตทางโซเชียล
ในยุคนี้ ข่าวแพร่กระจายเร็วมาก โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ คุณต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดูว่ามีข่าวลือหรือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบริษัทของคุณหรือเปล่า ถ้ามี ต้องรีบจัดการทันที อย่าปล่อยให้ลุกลามจนเสียชื่อเสียง นอกจากนี้ ยังต้องคอยประเมินสถานะการเงินอยู่เสมอ ดูว่าแผนที่วางไว้ยังใช้ได้ดีอยู่ไหม หรือต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง และอย่าลืมมองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตการเงินด้วย

5. ลงมือแก้ปัญหา
เมื่อวางแผนเสร็จ ก็ถึงเวลาลงมือทำ อย่ามัวแต่รอช้า เพราะในภาวะวิกฤต ทุกวินาทีมีค่า เริ่มจากสิ่งที่ทำได้ทันที เช่น ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เร่งเก็บเงินจากลูกหนี้ หรือเจรจาขอส่วนลดจากซัพพลายเออร์ ถ้าต้องปรับโครงสร้างองค์กร ก็ต้องทำอย่างรอบคอบและเป็นธรรม อย่าลืมสื่อสารกับพนักงานให้ชัดเจน ให้ทุกคนเข้าใจและร่วมมือกันฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน

6. เยียวยาหลังวิกฤต
เมื่อผ่านพ้นช่วงวิกฤตการเงินมาได้ อย่าเพิ่งวางใจ! จากบทเรียนที่ผ่านมา ลองทบทวนดูว่าอะไรทำให้เกิดปัญหา และคุณแก้ไขมันอย่างไร นำสิ่งที่เรียนรู้มาปรับปรุงการบริหารจัดการ วางแผนรับมือวิกฤตในอนาคต และสร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจของคุณแข็งแกร่งขึ้น อย่าลืมดูแลพนักงานที่อยู่เคียงข้างกันมา คุณอาจมีการให้รางวัลพิเศษหรือจัดกิจกรรมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่พวกเขา เพื่อให้ทุกคนพร้อมก้าวต่อไปด้วยกัน

สรุปบทความ
การบริหารธุรกิจในช่วงวิกฤตการเงินถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากคุณมีการวางแผนที่รอบคอบ การจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด และการปรับตัวที่รวดเร็ว จะทำให้ธุรกิจของคุณสามารถผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้ สิ่งสำคัญคือต้องมีสติ รู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ให้เป็น และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หากผลประกอบการไม่เป็นตามหวังไว้อย่างไรก็ตาม บางครั้งการมีพันธมิตรทางการเงินที่เข้าใจความต้องการของธุรกิจ SME ก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากคุณกำลังมองหาแหล่งเงินทุนที่สามารถช่วยให้คุณผ่านพ้นวิกฤตการเงินไปได้ IFS Capital แนะนำบริการสินเชื่อแฟคเตอริ่งเพื่อ SME เป็นสินเชื่อธุรกิจ SME ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ สมัครขอใช้สินเชื่อได้ โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถรับเงินหมุนเวียนได้อย่างรวดเร็ว

BY : Tonkla

ที่มา : www.ifscapthai.com


บทความที่เกี่ยวข้อง
Warehouse 5.0: ภาพอนาคตของคลังสินค้าที่ยั่งยืนและอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
ในยุคที่เทคโนโลยีไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังต้องตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน “Warehouse 5.0” ได้ก้าวข้ามแนวคิดแบบดั้งเดิมของคลังสินค้าไปไกลกว่าที่เคยเป็นมา ไม่ใช่แค่เรื่องของระบบอัตโนมัติเท่านั้น แต่คือการสร้างสมดุลระหว่าง “เทคโนโลยีขั้นสูง” กับ “ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์”
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
22 เม.ย. 2025
คลังสินค้าอัจฉริยะ: เมื่อ AI และหุ่นยนต์เข้ามาปฏิวัติการจัดเก็บ
ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คลังสินค้าซึ่งเคยเป็นแค่พื้นที่เก็บของธรรมดา กำลังกลายเป็น "คลังสินค้าอัจฉริยะ" ด้วยการเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์อัตโนมัติ เปลี่ยนภาพของการจัดเก็บและการบริหารสินค้าจากแรงงานคน มาเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และตอบสนองความต้องการของธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
22 เม.ย. 2025
AI ช่วยลดต้นทุนระบบ Booking: จากการใช้แรงงานคน สู่การใช้ Machine Learning
ในยุคที่ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์เติบโตอย่างรวดเร็ว “ระบบ Booking” หรือระบบจองจัดส่งกลายเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานที่รวดเร็ว
ร่วมมือ.jpg Contact Center
22 เม.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ