แชร์

DJSI คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ?

อัพเดทล่าสุด: 15 พ.ย. 2024
934 ผู้เข้าชม

DJSI ย่อมาจาก Dow Jones Sustainability Indices เป็นดัชนีที่ใช้ประเมินและวัดผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทต่างๆ ทั่วโลก โดยพิจารณาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี (ESG) ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

ทำไม DJSI ถึงสำคัญ?

  • มาตรฐานสากล: DJSI เป็นดัชนีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทำให้บริษัทที่ได้รับการจัดอันดับใน DJSI มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ต้องการของนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
  • เน้นความยั่งยืน: DJSI มุ่งเน้นไปที่การประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทในด้านความยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม
  • สร้างภาพลักษณ์ที่ดี: การได้รับการจัดอันดับใน DJSI ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ
  • ลดความเสี่ยง: บริษัทที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมักจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าบริษัทที่ไม่สนใจ เนื่องจากสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า

DJSI ประเมินอะไรบ้าง?

DJSI ประเมินบริษัทจากปัจจัย ESG ซึ่งประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ได้แก่

  1. สิ่งแวดล้อม (Environmental): การจัดการมลพิษ การใช้พลังงาน การจัดการน้ำเสีย ฯลฯ
  2. สังคม (Social): การดูแลพนักงาน ความสัมพันธ์กับลูกค้า การมีส่วนร่วมในชุมชน ฯลฯ
  3. การกำกับดูแลที่ดี (Governance): การบริหารความเสี่ยง การต่อต้านคอร์รัปชัน ความโปร่งใส ฯลฯ

ประโยชน์ของ DJSI ต่อบริษัท

  • ดึงดูดนักลงทุน: บริษัทที่ได้รับการจัดอันดับใน DJSI จะดึงดูดนักลงทุนสถาบันที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
  • เข้าถึงแหล่งเงินทุน: บริษัทอาจได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในการกู้ยืมเงิน
  • สร้างความแตกต่าง: บริษัทสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
  • ปรับปรุงกระบวนการทำงาน: การเข้าร่วมประเมิน DJSI จะช่วยให้บริษัทค้นพบจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง และนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างบริษัทไทยใน DJSI

มีหลายบริษัทในประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับใน DJSI ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของบริษัทเหล่านี้

สรุป

DJSI เป็นดัชนีที่สำคัญสำหรับบริษัทที่ต้องการสร้างความยั่งยืนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม การได้รับการจัดอันดับใน DJSI ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับในระดับสากล แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างโลกที่ดีขึ้น







BY: MANthi

ที่มา: Gemini


บทความที่เกี่ยวข้อง
Omnichannel Experience: สร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อ เชื่อมทุกช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
ในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกและช่องทางในการเข้าถึงสินค้าและบริการมากมายมหาศาล พวกเขาไม่ได้อยู่แค่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ได้อยู่แค่ในร้านค้า และก็ไม่ได้อยู่แค่ในแอปมือถืออีกต่อไป แต่พวกเขาอยู่ "ทุกที่" ลองนึกภาพตาม: ลูกค้าเห็นโฆษณาสินค้าของคุณใน Instagram (ออนไลน์) คลิกไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ (ออนไลน์) เพิ่มสินค้าลงตะกร้า แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ วันต่อมา เขาเดินผ่านหน้าร้านของคุณ (ออฟไลน์) และนึกขึ้นได้ จึงตัดสินใจเข้าไปดูสินค้าจริง พนักงานที่ร้านสามารถดึงข้อมูลตะกร้าสินค้าที่เขาค้างไว้ในเว็บขึ้นมาได้ทันที และเสนอโปรโมชั่นที่ตรงใจ จนลูกค้าตัดสินใจซื้อ... นี่คือพลังของ Omnichannel Experience
ร่วมมือ.jpg Contact Center
14 พ.ย. 2025
Customer Experience (CX) 2.0: ทำไมการบริการ "หลังการขาย" ถึงสำคัญกว่า "ก่อนการขาย" ในยุคนี้
ในโลกธุรกิจแบบดั้งเดิม (CX 1.0) การเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมักเกิดขึ้นเมื่อ "ปิดการขาย" ได้สำเร็จ ฝ่ายการตลาดทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อหาลูกค้าใหม่ (Pre-Sales) ฝ่ายขายทุ่มเททุกกลยุทธ์เพื่อเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้เป็นผู้ซื้อ และเมื่อธุรกรรมสิ้นสุดลง ภารกิจก็ดูเหมือนจะเสร็จสมบูรณ์
ร่วมมือ.jpg Contact Center
12 พ.ย. 2025
Sales Enablement: อาวุธลับที่ฝ่ายการตลาดสร้างให้ฝ่ายขาย เพื่อปิดการขายได้ง่ายขึ้น
ในหลายองค์กร เรามักเห็นภาพความขัดแย้งเล็กๆ (หรือบางทีก็ไม่เล็ก) ระหว่างทีมการตลาดและทีมขาย ฝ่ายขายบ่นว่า: "การตลาดหา Lead มาไม่ดีเลย ไม่มีคุณภาพ" หรือ "คอนเทนต์ที่ทำมาก็ใช้ขายงานจริงไม่ได้" ฝ่ายการตลาดบ่นว่า: "อุตส่าห์ทำคอนเทนต์ดีๆ ไปให้ แต่ฝ่ายขายไม่เคยเปิดใช้" หรือ "Lead ที่ให้ไปก็ไม่ยอมตาม"
ร่วมมือ.jpg Contact Center
10 พ.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ