แชร์

การสร้างระบบโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สู่การขนส่งที่ยั่งยืน

อัพเดทล่าสุด: 4 พ.ย. 2024
1367 ผู้เข้าชม

การสร้างระบบโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สู่การขนส่งที่ยั่งยืน


ในยุคที่ความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมเพิ่มสูงขึ้น โลจิสติกส์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขนส่งสินค้าและบริการทั่วโลก ก็ต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน การสร้างระบบโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจทุกขนาดควรให้ความสำคัญ


ทำไมต้องโลจิสติกส์สีเขียว?

  • ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มลพิษทางอากาศ และของเสีย
  • สร้างภาพลักษณ์ที่ดี: ธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจะได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและผู้บริโภค
  • ลดต้นทุน: การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการลดของเสียจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน
  • ตอบสนองความต้องการของตลาด: ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น


แนวทางสร้างระบบโลจิสติกส์สีเขียว

1.เลือกพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • ใช้รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด หรือรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงทางเลือก
  • ส่งเสริมการใช้จักรยานหรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการขนส่งระยะทางสั้น
  • ใช้เรือขนส่งที่ปล่อยมลพิษน้อยลง

2.ปรับปรุงเส้นทางการขนส่ง 

  • วางแผนเส้นทางการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดระยะทางและเวลาในการขนส่ง
  • รวมปริมาณสินค้าเพื่อลดจำนวนเที่ยวรถ

3.ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล หรือสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
  • ลดขนาดและน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์

4.จัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ใช้ระบบจัดเก็บสินค้าที่ทันสมัย เพื่อลดการเคลื่อนย้ายสินค้าที่ไม่จำเป็น
  • ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในคลังสินค้า

5.ส่งเสริมการขนส่งแบบร่วมกัน

  • ร่วมมือกับธุรกิจอื่นๆ ในการใช้พื้นที่ว่างในรถบรรทุกเพื่อขนส่งสินค้า

6.ใช้เทคโนโลยี

  • นำเทคโนโลยี IoT มาใช้ในการติดตามและควบคุมการขนส่ง
  • ใช้ซอฟต์แวร์วางแผนเส้นทางที่ชาญฉลาด

7.สร้างความตระหนัก

  • สร้างความตระหนักให้กับพนักงานและลูกค้าเกี่ยวกับความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม
  • สร้างความร่วมมือกับชุมชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม


ตัวอย่างโครงการโลจิสติกส์สีเขียวที่ประสบความสำเร็จ

  • Amazon: ใช้โดรนในการส่งมอบสินค้าในบางพื้นที่ ลดการปล่อยมลพิษจากรถยนต์
  • DHL: ตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ 30% ภายในปี 2030
  • UPS: ใช้รถบรรทุกไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ และส่งเสริมการใช้จักรยานในการขนส่งภายใน
  • หลายบริษัทในประเทศไทย: เริ่มหันมาใช้รถบรรทุกที่ใช้เชื้อเพลิงทางเลือก เช่น แก๊ส NGV และไบโอดีเซล


ขอบคุณข้อมูล:Gemini

By:Bank


บทความที่เกี่ยวข้อง
FTL vs LTL: เหมาคัน หรือ ฝากส่ง แบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ?
FTL vs LTL: เหมาคัน หรือ ฝากส่ง? เลือกแบบไหนให้ประหยัดต้นทุนและตอบโจทย์ธุรกิจ Meta Description: สับสนระหว่าง FTL (เหมาคัน) กับ LTL (ฝากส่ง) ใช่ไหม? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสียของรูปแบบการขนส่งทั้ง 2 แบบ วิธีเลือกให้เหมาะกับปริมาณของ และเทคนิคลดต้นทุนขนส่งที่คุณต้องรู้
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน
6 ธ.ค. 2025
ส่งของชิ้นใหญ่/แตกหักง่าย ให้ถึงมือลูกค้าแบบ "ไร้รอยขีดข่วน" ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
ฝันร้ายของคนขายของชิ้นใหญ่ คือลูกค้าเปิดกล่องมาแล้วเจอ "ซาก" สำหรับร้านค้าที่ขายเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของแต่งบ้าน หรืออะไหล่ยนต์ การได้รับออเดอร์นั้นเป็นเรื่องน่าดีใจ แต่ช่วงเวลาที่น่ากังวลที่สุดคือ "ระหว่างทางขนส่ง" เพราะสินค้าที่มีขนาดใหญ่ (Bulky Items) หรือมีความเปราะบาง (Fragile) หากจัดการไม่ดี ความเสี่ยงที่จะเกิดรอยขีดข่วน บุบ หรือแตกหัก มีสูงมาก และความเสียหายนั้นไม่ได้จบแค่การเคลมสินค้า แต่มันหมายถึง "ความเชื่อมั่น" ของลูกค้าที่ลดลงทันที วันนี้ BS Group จะมาแชร์เทคนิคการเตรียมตัวและจัดการสินค้ากลุ่มนี้ ให้ถึงมือลูกค้าแบบปลอดภัย 100% เหมือนรับจากมือคุณเองครับ
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
6 ธ.ค. 2025
 เส้นทางขนส่งยอดฮิตในไทย: ภาคไหนส่งยาก ภาคไหนส่งง่าย?
ส่งของไปเหนือ ล่องใต้ หรือไปอีสาน เส้นทางไหนหินที่สุด? วิเคราะห์เส้นทางขนส่งทั่วไทย เพื่อช่วยผู้ประกอบการวางแผนการจัดส่ง ลดความเสียหาย และประหยัดต้นทุน
ร่วมมือ.jpg Contact Center
5 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ