แชร์

สั่งของจากต่างประเทศอย่างไร ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า!?

อัพเดทล่าสุด: 5 ต.ค. 2024
2879 ผู้เข้าชม
การช้อปสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศในยุคนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย เพราะสามารถเลือกซื้อได้จากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางแพลตฟอร์ม Marketplace ในไทย อย่าง Shopee, Lazada, Taobao, Amazon และอีกมากมาย ที่สามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ง่าย ๆ  แต่ทุกครั้งที่สั่งของมาจากต่างประเทศ ควรจะต้องคำนึงถึงการชำระภาษีนำเข้าด้วยเสมอ

ภาษีนำเข้าคืออะไร?

          ภาษีนำเข้า คือ ภาษีที่รัฐเรียกเก็บจากผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยสินค้าแต่ละประเภทก็จะมีอัตราการชำระภาษีที่แตกต่างกัน ส่วนนี้ก็เพื่อปรับปรุงการค้าภายในประเทศ และเพื่อเป็นการส่งเสริมบางอุตสาหกรรมให้ดำเนินการต่อไปได้ อย่างเช่น รัฐยกเว้นภาษีให้กับเครื่องจักรการผลิต เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เป็นต้น

สั่งของจากต่างประเทศเสียภาษีอย่างไร?

           ภาษีนำเข้าจะเกิดขึ้น เมื่อมีการซื้อของจากต่างประเทศกลับมายังไทยหรือสั่งซื้อของออนไลน์ที่ส่งมาจากต่างประเทศ ถ้าของที่นำเข้าไทยมานั้นมีมูลค่าสูงเกินที่กำหนดไว้เราจะต้องจ่ายภาษีเพื่อนำของชิ้นนั้นเข้าประเทศ โดยจะเสียให้กับกรมศุลกากร ทุกครั้งที่มีพัสดุเข้ามาจากต่างประเทศจะต้องผ่านการตรวจประเมินราคา จากนั้นจะส่งใบเรียกเก็บภาษีไปยังผู้รับ เพื่อมาชำระและรับของที่ไปรษณีย์

สินค้าราคาเท่าไหร่จึงจะเสียภาษี?

          หากราคาสินค้าที่นำเข้ามา มีมูลค่าเกิน 1,500 บาท จะต้องเสียภาษีตามอัตราประเภทสินค้าแต่ละชนิด โดยมี เทคนิคการสั่งของจากต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษีแบบถูกต้อง คือ
  • 1.สั่งของไม่เกิน 1,500 บาท สั่งของจากต่างประเทศจะต้องคำนวณให้ดีเสมอ  กรมศุลกากรกำหนดราคาสินค้าทุกชนิด มูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายภาษีอากรนำเข้า
  • 2.สั่งของจากต่างประเทศ ผ่านบริการ  Shipping สำหรับผู้ที่สั่งสินค้าราคาเกิน 1,500 บาท ควรใช้บริการ Shipping ระหว่างประเทศ จ่ายแค่ค่าขนส่งอย่างเดียว โดยให้ Shipping เคลียร์เรื่องภาษีนำเข้าให้ได้เลย

อัตราภาษีนำเข้าสินค้าละประเภท
  • ภาษีนำเข้า 30% : เครื่องสำอาง หมวก น้ำหอม รองเท้า ผ้าห่ม ร่ม
  • ภาษีนำเข้า 20% : กระเป๋า
  • ภาษีนำเข้า 10% : CD DVD อัลบั้ม คอนเสิร์ต Power Bank หูฟัง Headphone Earphones ตุ๊กตา
  • ภาษีนำเข้า 5% : นาฬิกา แว่นตา แว่นกันแดด
  • ยกเว้นภาษีนำเข้า แต่เสีย VAT 7% : นิตยสาร Photobook คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ เมาส์

วิธีคำนวณภาษี

จำนวนเงินที่จะนำมาคิดภาษีนั้นจะมาจาก ราคาสินค้า+ค่าจัดส่ง+ค่าประกันภัย โดยมีเกณฑ์ง่าย ๆ ตามนี้
  • รวมกันไม่เกิน 1,500 บาท ไม่ต้องจ่ายภาษี
  • รวมกันแล้วเกิน 1,500 บาทขึ้นไป ต้องจ่ายภาษี

ถ้ามีการจ่ายภาษี จะมีภาษีที่ต้องจ่าย 2 รายการด้วยกัน คือ
  • ภาษีนำเข้า = ขึ้นอยู่กับประเภทของสิ่งของ
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) = 7%

โดยสามารถคำนวณภาษีได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
  • ค่าสินค้ารวมค่าส่ง x อัตราภาษีนำเข้า (%) = ภาษีนำเข้า
  • ค่าสินค้ารวมค่าส่ง + ภาษีนำเข้าที่ต้องจ่าย x vat 7% = ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม


 

 



 BY : ICE

ที่มา : https://blog.boxme.asia/th

บทความที่เกี่ยวข้อง
มือใหม่หัดส่งของไปต่างประเทศ! รวมทุกเรื่องต้องรู้ จบในโพสต์เดียว (เอกสาร/ภาษี/ข้อห้าม)
ในยุคที่โลกเชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดน การส่งของไปต่างประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการส่งของขวัญให้คนสำคัญ ส่งเอกสารเร่งด่วน หรือขยายธุรกิจส่งสินค้าให้ลูกค้าในต่างแดน แต่สำหรับมือใหม่แล้ว กระบวนการเหล่านี้อาจดูซับซ้อนและน่าปวดหัว ตั้งแต่การเตรียมเอกสาร การรับมือกับเรื่องภาษี ไปจนถึงการตรวจสอบของต้องห้าม ไม่ต้องกังวล! บล็อกนี้ได้รวบรวมทุกสิ่งที่คุณต้องรู้แบบครบจบในที่เดียว อ่านจบแล้วส่งของไปต่างประเทศได้แบบมือโปรแน่นอน
ร่วมมือ.jpg Contact Center
10 ก.ย. 2025
ใช้ Data ให้เป็นประโยชน์: การวิเคราะห์ข้อมูลการจัดส่งเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความพึงพอใจลูกค้า
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจทวีความรุนแรง การบริหารจัดการต้นทุนและสร้างความประทับใจให้ลูกค้าคือหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน
ร่วมมือ.jpg Contact Center
9 ก.ย. 2025
ลูกค้ารอไม่ได้จริงหรือ? เข้าใจพฤติกรรมการรอสินค้าในยุคดิจิทัล
บทความนี้เราจะมาลองทำความเข้าใจ “การรอ” ในมุมใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจวางแผนโลจิสติกส์และการสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
9 ก.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ