แชร์

สั่งของจากต่างประเทศอย่างไร ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า!?

อัพเดทล่าสุด: 5 ต.ค. 2024
2414 ผู้เข้าชม
การช้อปสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศในยุคนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย เพราะสามารถเลือกซื้อได้จากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางแพลตฟอร์ม Marketplace ในไทย อย่าง Shopee, Lazada, Taobao, Amazon และอีกมากมาย ที่สามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ง่าย ๆ  แต่ทุกครั้งที่สั่งของมาจากต่างประเทศ ควรจะต้องคำนึงถึงการชำระภาษีนำเข้าด้วยเสมอ

ภาษีนำเข้าคืออะไร?

          ภาษีนำเข้า คือ ภาษีที่รัฐเรียกเก็บจากผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยสินค้าแต่ละประเภทก็จะมีอัตราการชำระภาษีที่แตกต่างกัน ส่วนนี้ก็เพื่อปรับปรุงการค้าภายในประเทศ และเพื่อเป็นการส่งเสริมบางอุตสาหกรรมให้ดำเนินการต่อไปได้ อย่างเช่น รัฐยกเว้นภาษีให้กับเครื่องจักรการผลิต เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เป็นต้น

สั่งของจากต่างประเทศเสียภาษีอย่างไร?

           ภาษีนำเข้าจะเกิดขึ้น เมื่อมีการซื้อของจากต่างประเทศกลับมายังไทยหรือสั่งซื้อของออนไลน์ที่ส่งมาจากต่างประเทศ ถ้าของที่นำเข้าไทยมานั้นมีมูลค่าสูงเกินที่กำหนดไว้เราจะต้องจ่ายภาษีเพื่อนำของชิ้นนั้นเข้าประเทศ โดยจะเสียให้กับกรมศุลกากร ทุกครั้งที่มีพัสดุเข้ามาจากต่างประเทศจะต้องผ่านการตรวจประเมินราคา จากนั้นจะส่งใบเรียกเก็บภาษีไปยังผู้รับ เพื่อมาชำระและรับของที่ไปรษณีย์

สินค้าราคาเท่าไหร่จึงจะเสียภาษี?

          หากราคาสินค้าที่นำเข้ามา มีมูลค่าเกิน 1,500 บาท จะต้องเสียภาษีตามอัตราประเภทสินค้าแต่ละชนิด โดยมี เทคนิคการสั่งของจากต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษีแบบถูกต้อง คือ
  • 1.สั่งของไม่เกิน 1,500 บาท สั่งของจากต่างประเทศจะต้องคำนวณให้ดีเสมอ  กรมศุลกากรกำหนดราคาสินค้าทุกชนิด มูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายภาษีอากรนำเข้า
  • 2.สั่งของจากต่างประเทศ ผ่านบริการ  Shipping สำหรับผู้ที่สั่งสินค้าราคาเกิน 1,500 บาท ควรใช้บริการ Shipping ระหว่างประเทศ จ่ายแค่ค่าขนส่งอย่างเดียว โดยให้ Shipping เคลียร์เรื่องภาษีนำเข้าให้ได้เลย

อัตราภาษีนำเข้าสินค้าละประเภท
  • ภาษีนำเข้า 30% : เครื่องสำอาง หมวก น้ำหอม รองเท้า ผ้าห่ม ร่ม
  • ภาษีนำเข้า 20% : กระเป๋า
  • ภาษีนำเข้า 10% : CD DVD อัลบั้ม คอนเสิร์ต Power Bank หูฟัง Headphone Earphones ตุ๊กตา
  • ภาษีนำเข้า 5% : นาฬิกา แว่นตา แว่นกันแดด
  • ยกเว้นภาษีนำเข้า แต่เสีย VAT 7% : นิตยสาร Photobook คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ เมาส์

วิธีคำนวณภาษี

จำนวนเงินที่จะนำมาคิดภาษีนั้นจะมาจาก ราคาสินค้า+ค่าจัดส่ง+ค่าประกันภัย โดยมีเกณฑ์ง่าย ๆ ตามนี้
  • รวมกันไม่เกิน 1,500 บาท ไม่ต้องจ่ายภาษี
  • รวมกันแล้วเกิน 1,500 บาทขึ้นไป ต้องจ่ายภาษี

ถ้ามีการจ่ายภาษี จะมีภาษีที่ต้องจ่าย 2 รายการด้วยกัน คือ
  • ภาษีนำเข้า = ขึ้นอยู่กับประเภทของสิ่งของ
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) = 7%

โดยสามารถคำนวณภาษีได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
  • ค่าสินค้ารวมค่าส่ง x อัตราภาษีนำเข้า (%) = ภาษีนำเข้า
  • ค่าสินค้ารวมค่าส่ง + ภาษีนำเข้าที่ต้องจ่าย x vat 7% = ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม


 

 



 BY : ICE

ที่มา : https://blog.boxme.asia/th

บทความที่เกี่ยวข้อง
 5 เหตุผลสำคัญ! ทำไมโรงงานยุคใหม่ต้อง "เลิกส่งของเอง" แล้วหันมาใช้บริการรับพัสดุถึงที่
เจาะลึก 5 เหตุผลสำคัญว่าทำไมโรงงานของคุณควรพิจารณาเปลี่ยนแปลงแนวทางการขนส่งนี้ เพื่อก้าวสู่การเป็นโรงงานยุคใหม่ที่พร้อมสำหรับการแข่งขันในทุกสถานการณ์
ร่วมมือ.jpg Contact Center
19 ก.ค. 2025
AI ปฏิวัติวงการขนส่ง: เบื้องหลังความเร็วและความแม่นยำในยุคดิจิทัล
AI ปฏิวัติวงการขนส่ง: เบื้องหลังความเร็วและความแม่นยำในยุคดิจิทัล ในโลกที่ทุกอย่างต้องรวดเร็วและแม่นยำ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการขนส่งคือหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เคยสงสัยไหมครับว่าบริษัทขนส่งชั้นนำจัดการออเดอร์นับล้านชิ้นต่อวันได้อย่างไร? คำตอบที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นคือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ที่เข้ามาเปลี่ยนโฉมวงการนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
18 ก.ค. 2025
AI: เบื้องหลังความสำเร็จของโลจิสติกส์ยุคใหม่ที่ฉลาดและไวกว่าเดิม
ในโลกที่ทุกอย่างหมุนไปอย่างรวดเร็ว การแข่งขันในธุรกิจ โลจิสติกส์และซัพพลายเชน ไม่ได้วัดกันที่ขนาดของกองรถหรือคลังสินค้าอีกต่อไป แต่หัวใจสำคัญคือ ประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความเร็ว และเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นพระเอกในเรื่องนี้ก็คือ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
18 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ