หากพูดถึงรูปแบบของการขนส่งแล้วเราสามารำจำแนกออกได้เป็น 3 รูปแบบหลักๆ ก็คือ การขนส่งทางน้ำ, การขนส่งทางบก และการขนส่งทางอากาศ โดยแบ่งออกเป็น 6 ประเภทย่อยๆ ได้อีกดังต่อไปนี้
1. การขนส่งด้วยรถบรรทุกและรถยนต์
เริ่มต้นกันด้วยการขนส่งด้วยรถบรรทุกและรถยนต์ที่ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุดก็ว่าได้ เป็นการขนส่งที่เหมาะกับการขนย้ายสินค้าภายในประเทศเพราะสามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้ครอบคลุม ประกอบด้วยยานพาหนะหลายขนาดที่สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม ข้อจำกัดน้อยกว่าการขนส่งรูปแบบอื่นๆ และในช่วงที่การขายของออนไลน์กำลังได้รับความนิยมธุรกิจขนส่งทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างเติบโตขึ้นเพื่อรองรับการส่งสินค้าจากผู้ขายไปยังมือของผู้บริโภคในพื้นที่ต่างๆ
ข้อดี
-มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้ยานพาหนะ
-เข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้ครอบคลุม
-มีข้อจำกัดด้านเส้นทางน้อยกว่าการขนส่งแบบอื่น
ข้อเสีย
-มีการรั่วไหลของทรัพยากรหากได้พนักงานที่ขาดความรับผิดชอบหรือไม่ซื่อสัตย์
-ต้นทุนค่าน้ำมันสูงและมีความไม่แน่นอนต้องระมัดระวังในการทำสัญญา
-บางครั้งต้องขึ้นกับดินฟ้าอากาศและเส้นทางขนส่ง
2. การขนส่งแบบราง
การขนส่งแบบรางเป็นการขนส่งทางบกด้วยรถไฟที่สามารถขนสินค้าได้หลากหลายผ่านตู้สินค้าแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าทั่วไป พืชผลทางการเกษตร ก๊าชและน้ำมัน วัสดุก่อสร้าง ตู้คอนเทนเนอร์แบบต่างๆ ถือว่ามีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้งานเช่นกัน มีเส้นทางที่แน่นอน ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยไม่สูงมาก
ข้อดี
-ต้นทุนต่ำกว่าการขนส่งรูปแบบอื่น
-ไม่ต้องกังวลเรื่องดินฟ้าอากาศ
-ค่อนข้างปลอดภัย
-มีความยืดหยุ่นในการขนส่ง
ข้อเสีย
-อาจใช้เวลานานกว่าการขนส่งแบบอื่น
-ตู้บรรทุกสินค้าหรือขบวนรถขนส่งมีน้อยอาจต้องรอนาน
-ต้องใช้งานร่วมกับการขนส่งแบบอื่นไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้เลย
3. การขนส่งทางน้ำ
การขนส่งทางน้ำหรือทางเรือบรรทุกสินค้าเป็นอีกรูปแบบที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะกับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออก สามารถขนสินค้าได้เยอะและหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร สินค้าทางเคมี อาหารแช่แข็ง สินค้าทางการเกษตร สามารถบริหารจัดการได้ด้วยตัวเองหรือจ้างบริษัทขนส่งดูแลให้ได้
ข้อดี
-สามารถส่งสินค้าไปต่างประเทศได้ครั้งละมากๆ
-มีระบบบริหารจัดการที่สามารถควบคุมได้
-ควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ตามความเหมาะสม
-เลือกขนาดของตู้คอนเทนเนอร์ตามต้องการว่าจะเหมาะตู้หรือแชร์กับผู้อื่น
ข้อเสีย
-หากบริหารจัดการไม่ดีอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเมเติมหรือค่าปรับล่าช้าเกิดขึ้น
-หลายครั้งต้องขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ
4. การขนส่งทางอากาศ
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการความรวดเร็วมากเป็นพิเศษการขนส่งทางอากาศถือว่าตอบโจทย์มากที่สุดก็ว่าได้ โดยเป็นการส่งสินค้าด้วยเครื่องบินที่เหมาะกับสินค้าที่อาจจะหมดอายุเร็ว มีขนาดไม่ใหญ่มาก อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือสินค้าที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ รวมถึงขนส่งผู้คนด้วย
ข้อดี
-มีความรวดเร็วกว่าการขนส่งรูปแบบอื่นๆ
-เหมาะกับทั้งการขนส่งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
-ควบคุมเวลาได้ค่อนข้างแน่นอน
-ทำรอบขนส่งได้เยอะกว่าแบบอื่น
ข้อเสีย
-มีต้นทุนในการขนส่งมากกว่าแบบอื่น
-ไม่เหมาะกับสินค้าที่มีราคาถูก
-ไม่สามารถขนส่งสินค้าน้ำหนักเยอะๆ ได้
-ต้องใช้ร่วมกับการขนส่งแบบอื่นๆ ในการเข้าถึงปลายทาง
5. การขนส่งทางท่อ
แม้จะยังมีการใช้งานน้อยเมื่อเทียบกับการขนส่งแบบอื่นแต่การขนส่งผ่านท่อก็ถือว่ามีประโยชน์และสะดวกสำหรับสินค้าบางประเภทยกตัวอย่างเช่น สินค้าปิโตรเลียม, น้ำมันดิบ, น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ และในอนาคตเราจะได้เห็นการขนส่งทางท่อในแบบไฮเปอร์ลูปที่จะช่วยทำให้เดินทางไปถึงที่หมายได้รวดเร็วขึ้นหลายเท่าผ่านยานพาหนะความเร็วสูงภายในท่อโดยมีการทดสอบนำร่องกันไปบ้างแล้วในบางประเทศ
ข้อดี
-ควบคุมปริมาณในการขนส่งแต่ครั้งได้ค่อนข้างแน่นอน
-กำหนดเวลาในการขนส่งได้ตามต้องการ
-ต้นทุนค่าขนส่งและแรงงานต่ำ
-ไม่ต้องกังวลเรื่องดินฟ้าอากาศ
ข้อเสีย
-ยังใช้งานได้กับพื้นที่จำกัด
-ขนส่งสินค้าได้แค่บางประเภทเท่านั้น
-การลงทุนค่อนข้างสูงในระยะแรก
-เส้นทางขนส่งค่อนข้างตายตัว
6. การขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์
รูปแบบสุดท้ายก็คือการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ โดยต้องทำร่วมกับการขนส่งแบบอื่นไม่ว่าจะทางเรือ ทางรถบรรทุก ทางเครื่องบิน หรือว่าทางรถไฟ ข้อดีก็คือขนาดของตู้คอนเทนเนอร์นั้นมีให้เลือกหลากหลาย รวมถึงมีตู้หลายแบบเพื่อรองรับสินค้าประเภทต่างๆ ช่วยให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับสินค้าหรืองบประมาณ
ข้อดี
-เลือกขนาดของตู้และรูปแบบการขนส่งได้ตามต้องการ
-ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย
-เหมาะกับสินค้าหลายประเภท
-ใช้ได้ทั้งการขนส่งในประเทศและระหว่างประเทศ
ข้อเสีย
-หากบริหารจัดการไม่ดีอาจมีค่าปรับล่าช้าเกิดขึ้น
-ต้องจัดวางสินค้าให้แน่นหนาเพราะอาจเสียหายได้ง่าย
-มีรายละเอียดยิบย่อยที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนทำธุรกรรม
BY:FAH
ที่มา:s-siritransport