1.การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs): การขนส่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นปริมาณมาก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15-20% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในโลก โดยเฉพาะยานพาหนะทางถนน เช่น รถยนต์ส่วนตัว รถบรรทุก และมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีอัตราการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลสูงที่สุด
2. การเพิ่มขึ้นของประชากรและการขยายตัวของเมือง: การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรทำให้เกิดการขนส่งมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในเมืองที่มีการใช้รถยนต์ส่วนตัวสูง
3. การพัฒนาทางเศรษฐกิจ: การเติบโตของเศรษฐกิจทำให้การขนส่งสินค้ามีความสำคัญมากขึ้น ทั้งการขนส่งทางอากาศ ทางทะเล และทางถนน ส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มมากขึ้น
1. ภัยธรรมชาติและโครงสร้างพื้นฐาน: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจทำให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น น้ำท่วม พายุ หรืออุณหภูมิที่รุนแรงขึ้น ซึ่งสามารถทำลายถนน สนามบิน ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่ใช้ในการขนส่ง
2. การลดทอนประสิทธิภาพของยานพาหนะ: อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลง และยังเพิ่มความต้องการใช้พลังงานในระบบทำความเย็นของรถยนต์และยานพาหนะขนส่งอื่น ๆ
1.การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด: การส่งเสริมการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า (EVs) และพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เป็นแนวทางสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่ง
2. การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน: การส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า รถประจำทาง และรถไฟที่ใช้พลังงานสะอาด ช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนถนนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
3. การเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง: การใช้เทคโนโลยีที่ช่วยในการจัดการการขนส่ง เช่น ระบบ GPS และระบบโลจิสติกส์แบบอัจฉริยะ สามารถช่วยลดการใช้น้ำมันและเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้า
1. ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicles: EVs):
- ข้อดี: ยานพาหนะไฟฟ้าปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ขณะใช้งานและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเฉพาะถ้าไฟฟ้าที่ใช้มาจากพลังงานหมุนเวียน
- ความท้าทาย: การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จไฟฟ้ายังไม่เพียงพอในหลายพื้นที่ และการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมยังมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
2. การใช้เชื้อเพลิงทางเลือก (Alternative Fuels):
- ไฮโดรเจน: ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงที่ไม่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่อถูกใช้ในเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cells) แต่การผลิตไฮโดรเจนยังต้องใช้พลังงานสูงและต้องพัฒนาวิธีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ไบโอดีเซลและเอทานอล: เชื้อเพลิงชีวภาพเหล่านี้มาจากแหล่งพืชและเศษวัสดุ ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่การปลูกพืชเพื่อนำมาผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพอาจมีผลกระทบต่อพื้นที่ป่าและความหลากหลายทางชีวภาพ
3. การขนส่งด้วยระบบราง (Rail Transportation):
- การขนส่งทางรถไฟใช้พลังงานต่อหน่วยน้อยกว่าการขนส่งทางถนนและทางอากาศ โดยเฉพาะเมื่อใช้ระบบรถไฟไฟฟ้า การขนส่งสินค้าทางรถไฟสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก และยังเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่าการขนส่งด้วยรถบรรทุก
4. ระบบการขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ:
- เมืองใหญ่หลายเมืองทั่วโลกกำลังมุ่งหน้าไปสู่การพัฒนาโครงข่ายขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม เช่น ระบบรถไฟฟ้าหรือรถราง ซึ่งช่วยลดจำนวนยานพาหนะส่วนตัวและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
1.โครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น (Resilient Infrastructure):
- ระบบการขนส่งต้องได้รับการออกแบบให้สามารถทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การก่อสร้างถนนและสะพานที่สามารถต้านทานน้ำท่วมและพายุได้
2. การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Technologies):
- ระบบการจัดการการขนส่งที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เช่น การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of Things (IoT) ในการควบคุมการจราจรและจัดการเส้นทางขนส่ง
3. การสนับสนุนและส่งเสริมการเดินทางที่ปลอดมลพิษ:
- นโยบายของรัฐที่ส่งเสริมให้ประชาชนใช้จักรยาน เดินเท้า หรือขนส่งสาธารณะมากขึ้น เป็นการลดความแออัดของจราจรและลดมลพิษในเมือง
BY : LEO
ที่มา : CHAT GPT