แชร์

Martech 7 แบบที่นักการตลาดควรรู้ไว้

อัพเดทล่าสุด: 16 ก.ค. 2024
277 ผู้เข้าชม
Martech 7 แบบที่นักการตลาดควรรู้ไว้

 

  1. Marketing Service Provider (MSP)
    MSP จะเน้นทำ Email Campaign และ Direct Mail เท่านั้น ไม่มีการทำโฆษณาบนเว็บไซต์แบบ Real-time หรือแนะนำคอนเทนต์แบบอัตโนมัติ โดยฐานข้อมูลนั้น เราที่เป็นนักการตลาดผู้ว่าจ้างจะไม่มีสิทธิ์เข้าถึง ต้องเป็นฝ่าย MSP เท่านั้นที่ไปหาจากข้างนอกหรือ Outsource ให้ แล้วทำการ Segment กลุ่มลูกค้าให้เรา
    บางเจ้าก็จะมีบริการ Analytics วิเคราะห์และทำนายข้อมูล และให้คำปรึกษาเบื้องต้น (แต่อย่าคาดหวังมาก เพราะโมเดลที่ใช้ทำนายผลลัพธ์ทางการตลาดอาจจะใช้ได้แค่บางบริษัทเท่านั้น)
    ซึ่ง MSP ส่วนใหญ่เน้นให้บริการลูกค้าบริษัทรายใหญ่ ซึ่งไม่แปลก เพราะ MSP หลายเจ้าก็มาจากบริษัท Consulting ยักษ์ใหญ่ที่ไม่ได้ให้บริการ SMEs เป็ลหลักอยู่แล้ว 

 

2. Campaign Management และ Marketing Cloud
เน้นทำแคมเปญออนไลน์กระตุ้นให้ลูกค้าอยากได้และรักสินค้าและบริการ ไม่ใช่แค่เฉพาะอีเมล แต่รวมถึงเว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์และมือถือ ช่วยส่งข้อความที่ใช่ ให้ลูกค้าที่ใช่ ในช่องทางที่ใช่ ซึ่ง MarTech ตัวนี้จะช่วยจัดการช่องทางต่างๆ ให้ทำงานประสานร่วมกันให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน
MarTech ประเภทนี้จะยังไม่สามารถติดตามและแก้ไขข้อมูลที่เก็บได้จากออฟไลน์ได้ดีนัก เช่นที่อยู่ของลูกค้า การจัดการข้อมูลลูกค้ายังทำได้ไม่ดี รวมไปถึงการทำนายผลลัพธ์ทางการตลาด ฉะนั้นถ้าอยากเน้นเรื่องข้อมูลลูกค้าด้วย แนะนำให้ใช้ MarTech ของเจ้าอื่นเสริม

3. Web Analytics
Google Analytics คือตัวอย่างที่ชัดเจนสำหรับ MarTech ประเภทนี้ โดย Web Analytics จะมีอยู่ 2 แบบแรกคือเน้นรายงานว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเว็บไซต์ของเรา อัพเดทเทรนด์การซื้อขายและเข้าชมเว็บฯ ส่งข้อความไปหาลูกค้าผ่านอีเมลและ SMS ตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บฯ
อีกแบบคือเน้นรายงานพฤติกรรมของผู้เข้าชมเว็บไซต์รายคน แต่ไม่ว่าแบบไหนก็ช่วยให้เราพัฒนา User Interface และประวัติข้อมูลของลูกค้าของเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว ไม่ได้เน้นพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของการตลาดในช่องทางอื่น และดึงข้อมูลของลูกค้าจากช่องทางการตลาดอื่น

4. Data Management Platform (DMP)
DMP ช่วยเก็บข้อมูล First-Party Data จากเว็บไซต์ของบริษัท ผนวกกับข้อมูล Third-Party Data และนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์หา Segment ของลูกค้า เพื่อใช้ยิงโฆษณาออนไลน์ในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็น Display, Search, Video หรือ Social Campaign เพื่อเน้นหาลูกค้าหน้าใหม่ๆเข้ามาซื้อสินค้าและบริการ (มากกว่าทำรายได้จากลูกค้าที่มีอยู่แล้ว)
แน่นอนว่าจุดเด่นของ DMP คือการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลเท่านั้น ฉะนั้นยังต้องพึ่ง MarTech ที่ช่วยสร้างโมเดลทำนายผลลัพธ์ทางการตลาดด้วย ถึงจะสมบูรณ์

5. Email Service Provider (ESP)
ESP ช่วยออกแบบและจัดตารางเวลาในการส่งอีเมลไปให้ลูกค้า แถมยังดึงข้อมูล Third-Party Data เข้าฐานข้อมูลอีเมลเพื่อทำแคมเปญในอนาคต แต่ถึงอย่างนั้นข้อมูลที่ได้ ก็ต้องมีการจัดการให้พร้อมก่อนทำแคมเปญ และ ESP ก็ไม่ได้เก่งเรื่องของการจัดการข้อมูลเท่าไหร่ จะมีเพียงแค่รายงานผลลัพธ์การส่งอีเมลเท่านั้น

6. Customer Relationship Management (CRM)
CRM ในแง่ของ MarTech จะไม่ใช่ไว้ใช้จัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบเต็มรูปแบบ เพียงแค่ใช้เพื่อจัดการประสิทธิภาพการขายและติดตั้งระบบจัดการ Funnel เท่านั้น CRM ยังใชัจัดเก็บรายชื่อติดต่อลูกค้าเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ไขให้พร้อมใช้วิเคราะห์และทำนายผลลัพธ์ทางการตลาดได้
CRM จึงเหมาะกับการทำขายตรง คอลเซ็นเตอร์มากกว่า

7. Advance Analytics
MarTech ตัวนี้เน้นจัดเก็บ จัดการข้อมูล และทำรายงานให้เห็นเทรนด์ทางธุรกิจภาพรวมได้ แต่ไม่สามารถทำรายงานประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นจากลูกค้าเฉพาะรายได้ เลยไม่มีทางรู้ว่ารายได้ที่ทำได้จากลูกค้าแต่ละคนนั้น ได้มาจากช่องทางไหนบ้าง
น่าเสียดายที่ Advanced Analytics ก็ยังไม่สามารถสร้างโมเดลทำนายผลลัพธ์ทางการตลาดได้ รวมถึงจัดการแคมเปญผ่านทุกช่องทางการตลาดได้เช่นกัน

ที่มา : www.marketingoops.com

บทความที่เกี่ยวข้อง
กลยุทธ์ทางการตลาด แผนที่นำทางสู่ความสำเร็จของธุรกิจ
กลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาดที่สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
3 ธ.ค. 2024
Ethical Marketing การตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม
การตลาดเชิงจริยธรรม หรือ Ethical Marketing คือแนวทางการทำการตลาดที่คำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกิจกรรมทางการตลาด ไม่เพียงแต่เน้นที่ผลกำไร แต่ยังให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป
3 ธ.ค. 2024
A/B Testing เทคนิคการทดสอบเพื่อหาสูตรสำเร็จในการทำการตลาด
A/B Testing หรือ การทดสอบ A/B คือ เทคนิคการทดลองที่นิยมใช้ในการทำการตลาด โดยนำสองเวอร์ชันของสิ่งหนึ่งมาเปรียบเทียบกัน เช่น สองเวอร์ชันของหน้าเว็บไซต์ สองหัวข้ออีเมล หรือสองรูปแบบของโฆษณา เพื่อดูว่าเวอร์ชันไหนจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น อัตราการคลิก (Click-Through Rate), อัตราการแปลง (Conversion Rate) หรือยอดขาย
3 ธ.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ