COD ยังจำเป็นไหม? เปิดสถิติทำไมบริการเก็บเงินปลายทางยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าออนไลน์

ในยุคที่ Mobile Banking ครองเมือง, การสแกน QR Code เป็นเรื่องปกติ, และบัตรเครดิตแทบจะอยู่ในกระเป๋าทุกคน... คำถามสำคัญที่ผู้ประกอบการ E-commerce หลายคนเริ่มสงสัยคือ "บริการเก็บเงินปลายทาง หรือ COD (Cash on Delivery) ยังจำเป็นอยู่ไหม?"
ร้านค้าหลายแห่งอาจอยากตัดบริการนี้ทิ้ง เพราะต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่อง "ของตีกลับ" หรือต้องรอรอบบัญชีเคลียร์เงินนาน แต่รู้หรือไม่ว่า การตัดสินใจ "ปิด" ช่องทาง COD อาจหมายถึงการ "ปิด" ประตูต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาดไปโดยไม่รู้ตัว!
บทความนี้จะมาเปิดสถิติและเจาะลึก 3 เหตุผลหลักทางจิตวิทยา ที่ทำให้ COD ยังคงเป็น "แม่เหล็ก" ดึงดูดลูกค้าออนไลน์ที่ทรงพลังที่สุด และทำไมธุรกิจของคุณถึงไม่ควรพลาดโอกาสนี้
1."ความไว้วางใจ" คือสกุลเงินที่สำคัญที่สุด
ในโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยข่าวการหลอกลวง "ซื้อของแล้วไม่ได้ของ" หรือ "ของไม่ตรงปก" ความกังวลใจของลูกค้าคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการปิดการขาย
สถิติจากรายงาน E-commerce หลายฉบับชี้ตรงกันว่า สาเหตุหลักที่ลูกค้ายกเลิกการสั่งซื้อในหน้าสุดท้าย คือ "ความไม่ไว้วางใจในร้านค้า"
บริการ COD ทำหน้าที่เป็น "หลักประกัน" ที่ดีที่สุดที่ร้านค้าจะมอบให้ลูกค้าได้ มันคือการสื่อสารที่ชัดเจนว่า "รับของก่อน แล้วค่อยจ่ายเงิน" ลูกค้าได้เห็นพัสดุ ได้จับต้องสินค้า (อย่างน้อยก็ภายนอก) ก่อนที่เงินจะออกจากกระเป๋า ความเสี่ยงทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่ร้านค้า (ในมุมมองลูกค้า) ซึ่งสร้างความสบายใจและทำลายกำแพงความกลัวในการซื้อได้อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะกับลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่งเคยเจอร้านของคุณเป็นครั้งแรก
2.การเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม (Financial Inclusion)
เรามักเผลอคิดไปว่าทุกคนสะดวกใช้แอปธนาคาร แต่ในความเป็นจริง ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ในไทยยังคงคุ้นเคยและสะดวกกับการใช้ "เงินสด" มากกว่า
- กลุ่มผู้สูงอายุ: ที่อาจจะไม่ถนัดเทคโนโลยี
- กลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด: ที่การเข้าถึงบริการทางการเงินดิจิทัลอาจยังไม่เท่าในเมือง
- กลุ่มคนที่ไม่มีบัตรเครดิต/เดบิต: หรือไม่สะดวกผูกบัตรกับแอปใดๆ
- กลุ่มที่ต้องการบริหารเงินสด: หลายคนสะดวกใจที่จะถือเงินสดไว้และจ่ายเมื่อของมาถึง มากกว่าการให้เงินโอนออกไปจากบัญชีก่อน
การปิดบริการ COD เท่ากับคุณปฏิเสธลูกค้ากลุ่มมหาศาลนี้ไปทันที ในทางกลับกัน การเปิด COD คือการเปิดประตูต้อนรับลูกค้าทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม
3.ลดอุปสรรคทางจิตวิทยาในการ "ตัดสินใจซื้อ"
การซื้อของออนไลน์มี "แรงเสียดทาน" (Friction) หลายขั้นตอน ทั้งการเลือกของ, กรอกที่อยู่, และขั้นตอนที่ยากที่สุดคือ "การจ่ายเงิน"
การที่ลูกค้าต้องสลับแอปไปเปิดแอปธนาคาร, ใส่รหัส, รอ OTP, หรือแม้กระทั่งเดินไปหยิบบัตรเครดิตมากรอกเลข ล้วนเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ลูกค้า "มีเวลาคิด" และอาจเปลี่ยนใจได้
แต่การกดสั่งซื้อแบบ COD นั้นง่ายดาย มันลดขั้นตอนที่น่าปวดหัวออกไป ทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น จับลูกค้ากลุ่มที่ซื้อด้วยอารมณ์ (Impulse Buying) ได้อยู่หมัด ลูกค้ารู้สึกว่าแค่ "จอง" ของไว้ก่อน เดี๋ยวของมาค่อยจ่าย ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการปิดการขาย (Conversion Rate) ได้อย่างชัดเจน
จัดการความเสี่ยง COD อย่างไรให้วิน-วิน?
แน่นอนว่าร้านค้าย่อมกังวลเรื่อง "ของตีกลับ" และ "การหมุนเงิน"
กุญแจสำคัญไม่ได้อยู่ที่การ "ยกเลิก" COD แต่อยู่ที่การ "บริหารจัดการ" ด้วยการเลือกพาร์ทเนอร์ขนส่งที่เข้าใจปัญหานี้
- เลือกขนส่งที่ส่งได้รวดเร็ว: ยิ่งส่งเร็ว ลูกค้ายิ่งมีโอกาสเปลี่ยนใจน้อยลง
- มีระบบ Tracking ที่ชัดเจน: ลูกค้าทราบสถานะ และเตรียมตัวรับของและจ่ายเงินได้
- สำคัญที่สุด: รอบการโอนเงิน (Remittance) ที่รวดเร็ว: เลือกบริษัทขนส่งที่การันตีรอบการโอนเงินค่า COD คืนให้ร้านค้าอย่างรวดเร็ว (เช่น ภายใน 1-3 วัน) เพื่อให้ธุรกิจของคุณมีกระแสเงินสดหมุนเวียนได้ไม่สะดุด
สรุป
คำตอบคือ "COD ยังคงจำเป็นอย่างยิ่ง" ในตลาด E-commerce ประเทศไทย มันไม่ใช่แค่ "ทางเลือก" การชำระเงิน แต่มันคือ "กลยุทธ์" การตลาดที่ทรงพลังในการสร้างความไว้วางใจ, ขยายฐานลูกค้า, และเพิ่มยอดขาย
แทนที่จะมอง COD ว่าเป็นความเสี่ยง จงมองมันเป็นโอกาส และหันไปให้ความสำคัญกับการเลือก "พาร์ทเนอร์ขนส่ง" ที่ดี ที่จะมาช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงนั้นแทนคุณ เพื่อให้ทั้งลูกค้าและธุรกิจของคุณเติบโตไปพร้อมกัน
ติดต่อใช้บริการกับเรา
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
- โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620
- อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com
- ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!
Contact Center



ใบบัว ( นักศึกษาฝึกงาน )