ส่งของเยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น เลือกบริษัทขนส่งอย่างไรให้รองรับออเดอร์ที่เติบโต
จากที่เคยแพ็ควันละ 10-20 ออเดอร์ กลายเป็นวันละ 100... 500... หรือ 1,000 ออเดอร์ เวลาที่เคยใช้คิดกลยุทธ์การตลาดกลับต้องมาจมอยู่กับการแพ็คของ คีย์ข้อมูลเข้าระบบ และขับรถไปส่งของที่สาขาด้วยตัวเอง ปัญหาเหล่านี้คือสัญญาณเตือนว่า ธุรกิจของคุณกำลังเติบโต และถึงเวลาแล้วที่คุณต้องมี "พาร์ทเนอร์ขนส่ง" ที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับคุณได้
แต่การเลือกบริษัทขนส่งสำหรับธุรกิจที่มียอดสั่งซื้อสูง ไม่เหมือนกับการเลือกส่งของทั่วไป บทความนี้จะชี้ 5 ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา เพื่อให้คุณเลือกพาร์ทเนอร์ที่ "ใช่" และหมดห่วงเรื่องการจัดส่งไปเลย
1.บริการเข้ารับพัสดุถึงที่ (Pickup Service) ที่ยืดหยุ่น
เมื่อออเดอร์ของคุณทะลุหลักร้อยต่อวัน การขับรถขนของไปส่งที่สาขาไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป นี่คือปัจจัยแรกที่ต้องมองหา
- ต้องเข้ารับถึงที่: พาร์ทเนอร์ขนส่งที่ดีต้องมีบริการเข้ารับสินค้าถึงหน้าบ้านหรือคลังสินค้าของคุณ
- ความยืดหยุ่น: ไม่ใช่แค่รับ แต่ต้องยืดหยุ่นเรื่องเวลาและจำนวนขั้นต่ำ บางบริษัทอาจมีเงื่อนไขที่ยุ่งยาก แต่พาร์ทเนอร์ที่เข้าใจธุรกิจจะสามารถตกลงรอบเวลาที่เหมาะสมกับคุณได้ ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและแรงงานไปได้มหาศาล
2.ระบบเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกันได้ (API & Dashboard)
การคีย์ข้อมูลทีละออเดอร์คือคอขวดที่ใหญ่ที่สุดของการเติบโต ธุรกิจที่ส่งของเยอะจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย
- การเชื่อมต่อ API: มองหาบริษัทขนส่งที่มีระบบ API (Application Programming Interface) ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบจัดการออเดอร์ (OMS) หรือเว็บไซต์ E-commerce ของคุณได้โดยตรง เมื่อมีออเดอร์เข้า ข้อมูลการจัดส่งจะถูกส่งไปที่บริษัทขนส่งอัตโนมัติ ลดความผิดพลาดและประหยัดเวลา
- ระบบจัดการออเดอร์ (Dashboard): ต้องมีระบบหลังบ้านที่ให้คุณสามารถอัปโหลดไฟล์ออเดอร์จำนวนมาก (Bulk Upload), พิมพ์ใบปะหน้า, และติดตามสถานะพัสดุทั้งหมดได้ในหน้าจอเดียว
3.ความสามารถในการรองรับปริมาณมหาศาล (Scalability)
พาร์ทเนอร์ของคุณต้องรับมือกับ "ความพีค" ได้ วันนี้คุณอาจส่ง 100 ชิ้น แต่ในวันแคมเปญ 11.11 หรือ 12.12 คุณอาจต้องส่ง 2,000 ชิ้น
- โครงสร้างพื้นฐาน: สอบถามถึงขนาดของฟลีตรถยนต์, จำนวนพนักงาน, และขนาดของศูนย์คัดแยกพัสดุ (Hub) พวกเขาต้องมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดโดยที่ระบบไม่ล่มและการจัดส่งไม่ล่าช้า
4.การบริการและการสนับสนุนลูกค้าสำหรับธุรกิจ (B2B Support)
เมื่อส่งของจำนวนมาก ปัญหาย่อมเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นของตกหล่น พัสดุเสียหาย หรือส่งผิดพลาด สิ่งสำคัญคือ "เมื่อเกิดปัญหา ใครจะช่วยคุณ?"
- ช่องทางติดต่อเฉพาะ: การรอสาย Call Center ทั่วไปไม่ทันการณ์ พาร์ทเนอร์ที่ดีควรมีช่องทางติดต่อด่วนสำหรับลูกค้าธุรกิจ เช่น Line@, อีเมล หรือแม้กระทั่ง ผู้ดูแลบัญชีส่วนตัว (Key Account Manager) ที่คอยประสานงานและแก้ปัญหาให้คุณโดยตรง
5.ความคุ้มค่าและเรทราคาสำหรับธุรกิจ
คำว่า "คุ้มค่า" ไม่ได้แปลว่า "ถูกที่สุด" แต่หมายถึงต้นทุนแฝงที่ลดลง
- เรทราคาพิเศษ: แน่นอนว่าเมื่อส่งในปริมาณมาก คุณควรได้รับเรทราคาพิเศษสำหรับลูกค้าธุรกิจ (Corporate Rate)
- ต้นทุนแฝง: อย่าลืมคิดถึงต้นทุนเวลาที่ประหยัดได้จากบริการเข้ารับ, ต้นทุนความผิดพลาดที่ลดลงจากระบบ API, และต้นทุนค่าเสียโอกาสหากขนส่งล่าช้าจนลูกค้าไม่พอใจ การเลือกพาร์ทเนอร์ที่แพงกว่าเล็กน้อยแต่ให้บริการเหล่านี้ครบวงจร อาจ "คุ้มค่า" กว่าในระยะยาว
สรุปส่งท้าย
การเลือกบริษัทขนส่ง คือหนึ่งในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดเมื่อธุรกิจของคุณขยายตัว อย่ามองแค่ราคาต่อกล่องที่ถูกที่สุด แต่จงมองหา "พาร์ทเนอร์" ที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง, มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย, มีบริการที่เข้าใจคนทำธุรกิจ และพร้อมที่จะเติบโตไปกับคุณ
การมีพาร์ทเนอร์ขนส่งที่ไว้ใจได้ จะช่วยปลดล็อก "คอขวด" ทำให้คุณมีเวลาไปโฟกัสกับการตลาด การขาย และการพัฒนาสินค้า เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างไร้กังวลอย่างแท้จริง
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาพาร์ทเนอร์ขนส่งที่เข้าใจธุรกิจ มุ่งเน้นการบริการ และพร้อมรองรับการเติบโตของคุณ
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620 อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!