เส้นทางสายไหมยุคใหม่ (Belt and Road) โลจิสติกส์กำลังเปลี่ยนโลกยังไง
อัพเดทล่าสุด: 22 ก.ย. 2025
145 ผู้เข้าชม

ย้อนกลับไปพันกว่าปีก่อน เส้นทางสายไหม (Silk Road) คือเครือข่ายการค้าสำคัญที่เชื่อมเอเชียกับยุโรป ทั้งผ้าไหม เครื่องเทศ และวัฒนธรรมต่าง ๆ ถูกแลกเปลี่ยนกันผ่านเส้นทางนี้
วันนี้ เส้นทางสายไหม กลับมาอีกครั้งในชื่อ (BRI) ของจีน แต่คราวนี้ไม่ได้มีแค่การค้า แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่กำลัง เปลี่ยนแปลงโลจิสติกส์โลก
1. ถนน + รถไฟ + ท่าเรือ = เชื่อมโลก
โครงการ BRI สร้างถนน รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ และสนามบินในหลายประเทศ ทำให้เส้นทางการค้าระหว่างเอเชีย ยุโรป และแอฟริกาเร็วขึ้นมาก เช่น
รถไฟจีนยุโรป ขนสินค้าถึงกันได้ในเวลาเพียง ~15 วัน เร็วกว่าทางเรือแต่ถูกกว่าทางอากาศ
ท่าเรือใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วยให้การขนส่งสินค้าทางทะเลสะดวกขึ้น
2. ลดการพึ่งพาทางทะเล
ที่ผ่านมา สินค้าโลกกว่า 80% เดินทางทางเรือ โดยเฉพาะเส้นทาง ช่องแคบมะละกา คลองสุเอซ แต่การมีเส้นทางรถไฟและถนนใหม่ ทำให้หลายบริษัทมี ทางเลือก เพิ่มขึ้น ลดความเสี่ยงถ้ามีเหตุการณ์ที่ทำให้การขนส่งทางเรือชะงัก
3. โอกาสทางเศรษฐกิจ
ประเทศที่อยู่ตามเส้นทาง เช่น ลาว ไทย คาซัคสถาน หรือกรีซ ได้ประโยชน์จากการลงทุนด้านโลจิสติกส์ มีโอกาสกลายเป็น ฮับ การค้าระดับภูมิภาค
4. ความท้าทายที่ตามมา
แน่นอนว่าโครงการใหญ่ระดับโลกก็มีทั้งข้อดีและข้อท้าทาย เช่น
หนี้สินจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สรุปสั้น ๆ: เส้นทางสายไหมยุคใหม่ไม่ใช่แค่การค้าขาย แต่คือการสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ระดับโลก ที่อาจเปลี่ยน แผนที่การขนส่ง ของโลกไปตลอดกาล
วันนี้ เส้นทางสายไหม กลับมาอีกครั้งในชื่อ (BRI) ของจีน แต่คราวนี้ไม่ได้มีแค่การค้า แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่กำลัง เปลี่ยนแปลงโลจิสติกส์โลก
1. ถนน + รถไฟ + ท่าเรือ = เชื่อมโลก
โครงการ BRI สร้างถนน รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ และสนามบินในหลายประเทศ ทำให้เส้นทางการค้าระหว่างเอเชีย ยุโรป และแอฟริกาเร็วขึ้นมาก เช่น
รถไฟจีนยุโรป ขนสินค้าถึงกันได้ในเวลาเพียง ~15 วัน เร็วกว่าทางเรือแต่ถูกกว่าทางอากาศ
ท่าเรือใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วยให้การขนส่งสินค้าทางทะเลสะดวกขึ้น
2. ลดการพึ่งพาทางทะเล
ที่ผ่านมา สินค้าโลกกว่า 80% เดินทางทางเรือ โดยเฉพาะเส้นทาง ช่องแคบมะละกา คลองสุเอซ แต่การมีเส้นทางรถไฟและถนนใหม่ ทำให้หลายบริษัทมี ทางเลือก เพิ่มขึ้น ลดความเสี่ยงถ้ามีเหตุการณ์ที่ทำให้การขนส่งทางเรือชะงัก
3. โอกาสทางเศรษฐกิจ
ประเทศที่อยู่ตามเส้นทาง เช่น ลาว ไทย คาซัคสถาน หรือกรีซ ได้ประโยชน์จากการลงทุนด้านโลจิสติกส์ มีโอกาสกลายเป็น ฮับ การค้าระดับภูมิภาค
4. ความท้าทายที่ตามมา
แน่นอนว่าโครงการใหญ่ระดับโลกก็มีทั้งข้อดีและข้อท้าทาย เช่น
หนี้สินจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สรุปสั้น ๆ: เส้นทางสายไหมยุคใหม่ไม่ใช่แค่การค้าขาย แต่คือการสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ระดับโลก ที่อาจเปลี่ยน แผนที่การขนส่ง ของโลกไปตลอดกาล
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
เมื่อครีเอเตอร์กลายเป็น "แบรนด์" ที่มีอำนาจต่อรองสูงเสียเอง "ความจริงใจ" (Authenticity) คือสกุลเงินที่สำคัญที่สุดของพวกเขา การรับงานรีวิวแบบฉาบฉวยที่ดูไม่จริงใจ กลายเป็นการทำลายความไว้วางใจที่พวกเขาสั่งสมมานาน
18 พ.ย. 2025
กลยุทธ์ลดต้นทุนคลังสินค้าโดยไม่กระทบประสบการณ์ลูกค้า รวมเทคนิคที่ธุรกิจทุกขนาดนำไปใช้ได้ทันที
15 พ.ย. 2025
เจาะลึกเหตุผลว่าทำไมข้อมูลติดตามพัสดุแบบ Real-Time จะกลายเป็นตัวเร่งกำไรของธุรกิจ และวิธีนำไปใช้ให้เกิดผลจริง
15 พ.ย. 2025
เหมาคัน


BANKKUNG
