Fast-Moving vs Slow-Moving: จัดการสินค้าไหลช้าอย่างไรไม่ให้เปลืองพื้นที่
อัพเดทล่าสุด: 8 ก.ค. 2025
7 ผู้เข้าชม
ในการบริหารคลังสินค้า ไม่ใช่แค่การเก็บของให้ครบ แต่คือการ "บริหารพื้นที่" ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด หนึ่งในความท้าทายที่หลายธุรกิจเจอ คือการจัดการกับ สินค้า Slow-Moving หรือสินค้าที่หมุนเวียนช้า ซึ่งต่างจากสินค้าประเภท Fast-Moving ที่หมุนเวียนไว เก็บไม่นานก็ออก
ทำความเข้าใจ: สินค้า Fast-Moving และ Slow-Moving ต่างกันอย่างไร?
ประเภทสินค้า ลักษณะการหมุนเวียน ตัวอย่าง
Fast-Moving หมุนเวียนบ่อย เก็บไม่นาน สินค้าอุปโภคบริโภค, สินค้าโปรโมชั่น, ของใช้ประจำวัน
Slow-Moving ค้างสต็อกนาน ยอดขายน้อย สินค้าตกรุ่น, สินค้าฤดูกาล, อะไหล่เฉพาะทาง
ปัญหาของ Slow-Moving: มากกว่าพื้นที่ที่เสียเปล่า
1.แยกโซนเก็บสินค้าให้ชัดเจน
สินค้า Fast-Moving และ Slow-Moving ต่างมีบทบาทในคลังสินค้า แต่หากจัดการไม่ดี สินค้าไหลช้าอาจกลายเป็น "ภาระ" มากกว่า "โอกาส" การใช้ข้อมูลและกลยุทธ์อย่างรอบคอบจะช่วยให้คลังมีพื้นที่เพียงพอ พร้อมรองรับการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ทำความเข้าใจ: สินค้า Fast-Moving และ Slow-Moving ต่างกันอย่างไร?
ประเภทสินค้า ลักษณะการหมุนเวียน ตัวอย่าง
Fast-Moving หมุนเวียนบ่อย เก็บไม่นาน สินค้าอุปโภคบริโภค, สินค้าโปรโมชั่น, ของใช้ประจำวัน
Slow-Moving ค้างสต็อกนาน ยอดขายน้อย สินค้าตกรุ่น, สินค้าฤดูกาล, อะไหล่เฉพาะทาง
ปัญหาของ Slow-Moving: มากกว่าพื้นที่ที่เสียเปล่า
- เปลืองพื้นที่จัดเก็บ ทำให้สินค้าใหม่เข้าได้ยาก
- ต้นทุนโอกาสเสีย เพราะพื้นที่ที่ถูกใช้ไปกับสินค้าที่ไม่สร้างรายได้
- ค่าใช้จ่ายแฝงเพิ่ม เช่น ค่าบำรุงรักษา, ค่าแรงในการเคลื่อนย้าย
1.แยกโซนเก็บสินค้าให้ชัดเจน
- ใช้ระบบจัดโซนคลัง เช่น โซน A สำหรับ Fast-Moving / โซน B สำหรับ Slow-Moving
- ช่วยให้ควบคุมและติดตามได้ง่ายขึ้น
- ใช้ข้อมูลยอดขายและสต็อกในการระบุว่าสินค้าไหนเริ่มไหลช้า
- ปรับแผนสั่งซื้อหรือจัดโปรโมชั่นได้เร็ว
- โดยเฉพาะสินค้าที่มีวันหมดอายุ เพื่อลดการสูญเสีย
- จัดโปรโมชั่นเฉพาะกิจ หรือขายเป็นชุดกับสินค้า Fast-Moving
- หากสินค้าไหลช้ามาก อาจต้องพิจารณายกเลิกหรือสั่งมาน้อยลง
- ถ้าคลังหลักพื้นที่ไม่พอ อาจส่งสินค้า Slow-Moving ไปเก็บในคลังรองที่ต้นทุนต่ำกว่า
- ย้ายตำแหน่งจัดเก็บตามพฤติกรรมการหมุนเวียนของสินค้า เพื่อไม่ให้ของไหลช้ากินพื้นที่ทอง
สินค้า Fast-Moving และ Slow-Moving ต่างมีบทบาทในคลังสินค้า แต่หากจัดการไม่ดี สินค้าไหลช้าอาจกลายเป็น "ภาระ" มากกว่า "โอกาส" การใช้ข้อมูลและกลยุทธ์อย่างรอบคอบจะช่วยให้คลังมีพื้นที่เพียงพอ พร้อมรองรับการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
บทความที่เกี่ยวข้อง
การรับของผิดรุ่น หรือจ่ายของผิดจำนวน อาจดูเป็นเรื่องเล็กๆ ในคลังสินค้า แต่ความผิดพลาดเหล่านี้คือจุดรั่วไหลที่ทำให้ต้นทุนเพิ่ม ลูกค้าไม่พอใจ และเสียชื่อเสียงแบบไม่รู้ตัว
9 ก.ค. 2025
AI กับการวางแผนเส้นทาง (Route Planning) เมื่อระบบอัจฉริยะคิดแทนคน ขับเคลื่อนโลจิสติกส์แม่นยำกว่าที่เคย
8 ก.ค. 2025
อัตตราการกินน้ำมันของรถ ในกทมและต่างจังหวัดและทำยังไงให้ประหยัด
7 ก.ค. 2025