สตาร์ทอัพไทยเจ๋ง! ใช้คลังแบบแชร์ ลดต้นทุนได้ครึ่งหนึ่ง
ในยุคที่ทุกบาททุกสตางค์ของสตาร์ทอัพมีค่า การบริหารต้นทุนอย่างชาญฉลาดคือกุญแจสู่ความอยู่รอดและการเติบโต และหนึ่งในนวัตกรรมที่มาแรงที่สุดในวงการโลจิสติกส์ตอนนี้ คือ "คลังสินค้าแบบแชร์" (Shared Warehouse) ซึ่งช่วยให้ธุรกิจหน้าใหม่สามารถลดต้นทุนค่าคลังได้มากถึง 50% เลยทีเดียว!
คลังแบบแชร์คืออะไร?
คลังแบบแชร์ หรือ Shared Warehouse / Co-Warehousing คือการใช้พื้นที่คลังสินค้าร่วมกับธุรกิจอื่นๆ โดยแต่ละรายจะจ่ายตามพื้นที่ที่ใช้จริง หรือจ่ายแบบยืดหยุ่นตามช่วงเวลาที่ต้องการใช้งาน ต่างจากการเช่าคลังขนาดใหญ่ที่มีต้นทุนสูงและเปลืองพื้นที่
ทำไมสตาร์ทอัพถึงเลือกคลังแบบแชร์?
1.ลดต้นทุนทันที
ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าคลังทั้งหลัง ไม่ต้องมีพนักงานประจำ แค่จ่ายตามการใช้งานจริง ก็สามารถจัดเก็บและจัดส่งสินค้าได้เหมือนคลังส่วนตัว
2.ยืดหยุ่นสุดๆ
มีสินค้าเยอะในช่วงโปรโมชั่น? เพิ่มพื้นที่ได้ทันที พอหมดแคมเปญก็ลดขนาดพื้นที่ให้เหมาะสม ไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่ายคงที่
3.พร้อมระบบ Fulfillment
หลายคลังแชร์มาพร้อมบริการแพ็ค-จัดส่ง หรือแม้กระทั่งเชื่อมระบบกับ Marketplace ได้ทันที ไม่ต้องลงทุนระบบเอง
4.ทำเลดี ใกล้ลูกค้า
คลังแชร์หลายแห่งตั้งอยู่ในทำเลทอง เช่น ริมถนนใหญ่ ใกล้ศูนย์กระจายสินค้า หรือใจกลางเมือง ช่วยลดเวลาขนส่งและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า
เคสตัวอย่าง: "ดรอปดี" สตาร์ทอัพขายสินค้านำเข้า
บริษัท "ดรอปดี" เป็นสตาร์ทอัพที่เริ่มจากทุนเพียง 100,000 บาท นำเข้าสินค้าแฟชั่นจากเกาหลีมาขายออนไลน์ ผ่าน TikTok และ Instagram เดิมใช้วิธีเก็บของที่บ้าน ซึ่งเริ่มไม่พอและทำให้ขนส่งล่าช้า
เมื่อย้ายมาใช้คลังแบบแชร์ที่บางนา ทีมสามารถส่งของได้วันละหลายร้อยออเดอร์ พร้อมระบบแพ็คอัตโนมัติ และที่สำคัญ ค่าคลังลดจากเดือนละ 30,000 บาท เหลือเพียง 14,000 บาท เท่านั้น
เทรนด์อนาคต: คลังแบบแชร์จะกลายเป็น New Normal
ด้วยกระแสดิจิทัล + อีคอมเมิร์ซ + ความต้องการลดต้นทุน คลังแบบแชร์มีแนวโน้มจะเติบโตอย่างรวดเร็วในไทย และอาจกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอีโคซิสเต็มธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพ
สรุป
คลังสินค้าแบบแชร์คือทางรอดสำหรับสตาร์ทอัพไทยในยุคต้นทุนสูง ใช้งานยืดหยุ่น ไม่ต้องลงทุนเอง พร้อมบริการครบวงจร เทรนด์นี้ไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่น่าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจยุคดิจิทัลในอนาคต