เทรนด์โลจิสติกส์ครึ่งปีหลัง 2025: อะไรมาแรง อะไรต้องปรับตัว?
อัพเดทล่าสุด: 26 มิ.ย. 2025
10 ผู้เข้าชม
เทรนด์ที่มาแรงในครึ่งปีหลัง 2025
1. Green Logistics แบบลงมือจริง ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์
องค์กรใหญ่เริ่มลงทุนจริงจังกับรถ EV, คลังสินค้าพลังงานแสงอาทิตย์ และการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในทุกเส้นทางจัดส่ง ผู้ว่าจ้างเองก็เริ่ม เลือก ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีความยั่งยืนมากขึ้น
2. AI & Data Analytics ยกระดับการวางแผนแบบเรียลไทม์
ไม่ใช่แค่ WMS หรือ TMS อีกต่อไป แต่ AI จะถูกฝังอยู่ในทุกจุด เช่น คาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภค, บริหารสต๊อกแบบอัตโนมัติ และจัดเส้นทางขนส่งตามสภาพการจราจรจริง
3. Quick Commerce & Micro-Fulfillment ยังคงบูม
จากร้านค้าออนไลน์สู่การส่งภายใน 1 ชั่วโมง เทรนด์ Q-Commerce ดันให้เกิดคลังสินค้าขนาดย่อมใกล้เมือง หรือ Micro Hub มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่
4. Cross-Border Logistics เติบโตต่อเนื่องในเอเชีย
ด้วยความร่วมมือของ RCEP และการผลักดัน AEC Logistics Zone การค้าระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน-อินเดียยังคงขยายตัว ทำให้บริการโลจิสติกส์ข้ามแดน (รวมถึง E-Commerce) ยังคงร้อนแรง
5. แรงงานโลจิสติกส์ Upskill สู่ดิจิทัลเต็มตัว
ผู้ปฏิบัติงานต้องเข้าใจระบบ ERP, โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่เบื้องต้นของการใช้งาน AI อย่าง ChatGPT หรือ Copilot เพื่อลดงานซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพ
️ เทรนด์ที่ต้องรีบปรับตัว
1. ระบบจัดการโลจิสติกส์แบบแมนนวลจะถูกแทนที่
ธุรกิจที่ยังพึ่งพาการจดบันทึกด้วยมือหรือ Excel กำลังตกขบวน ระบบ ERP + Cloud-based Logistics Management กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่
2. ค่าขนส่งผันผวนจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ รวมถึงความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้เส้นทางการขนส่งเปลี่ยนบ่อย ราคาน้ำมันยังคงแกว่ง ธุรกิจต้องเตรียม แผนสำรอง และกระจายความเสี่ยงให้ดี
3. พฤติกรรมลูกค้าไม่ยอมรอ
ลูกค้าคาดหวังการส่งที่รวดเร็ว ตรวจสอบสถานะได้ตลอดเวลา และคืนสินค้าได้ง่าย หากระบบโลจิสติกส์ของธุรกิจล่าช้าหรือไม่มีข้อมูลแบบเรียลไทม์ จะสูญเสียความเชื่อมั่นอย่างรวดเร็ว
4. ไซโลข้อมูลภายในองค์กรยังเป็นปัญหา
หลายองค์กรยังแยกฝ่ายโลจิสติกส์ แผนกขาย และฝ่ายคลังสินค้าอย่างชัดเจนเกินไป ทำให้ข้อมูลไม่ไหลลื่น ต้องเร่งปรับวัฒนธรรมองค์กรให้เชื่อมโยงกันด้วยข้อมูล
สรุป: ปี 2025 คือจุดเปลี่ยนของวงการโลจิสติกส์
ผู้ประกอบการต้องไม่เพียงแค่อัปเกรดเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ต้อง อัปเกรดแนวคิด การบริหารจัดการแบบดั้งเดิมไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ในยุคที่ ความเร็ว ความแม่นยำ และความยั่งยืน คือหัวใจของความสำเร็จ
1. Green Logistics แบบลงมือจริง ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์
องค์กรใหญ่เริ่มลงทุนจริงจังกับรถ EV, คลังสินค้าพลังงานแสงอาทิตย์ และการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในทุกเส้นทางจัดส่ง ผู้ว่าจ้างเองก็เริ่ม เลือก ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีความยั่งยืนมากขึ้น
2. AI & Data Analytics ยกระดับการวางแผนแบบเรียลไทม์
ไม่ใช่แค่ WMS หรือ TMS อีกต่อไป แต่ AI จะถูกฝังอยู่ในทุกจุด เช่น คาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภค, บริหารสต๊อกแบบอัตโนมัติ และจัดเส้นทางขนส่งตามสภาพการจราจรจริง
3. Quick Commerce & Micro-Fulfillment ยังคงบูม
จากร้านค้าออนไลน์สู่การส่งภายใน 1 ชั่วโมง เทรนด์ Q-Commerce ดันให้เกิดคลังสินค้าขนาดย่อมใกล้เมือง หรือ Micro Hub มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่
4. Cross-Border Logistics เติบโตต่อเนื่องในเอเชีย
ด้วยความร่วมมือของ RCEP และการผลักดัน AEC Logistics Zone การค้าระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน-อินเดียยังคงขยายตัว ทำให้บริการโลจิสติกส์ข้ามแดน (รวมถึง E-Commerce) ยังคงร้อนแรง
5. แรงงานโลจิสติกส์ Upskill สู่ดิจิทัลเต็มตัว
ผู้ปฏิบัติงานต้องเข้าใจระบบ ERP, โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่เบื้องต้นของการใช้งาน AI อย่าง ChatGPT หรือ Copilot เพื่อลดงานซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพ
️ เทรนด์ที่ต้องรีบปรับตัว
1. ระบบจัดการโลจิสติกส์แบบแมนนวลจะถูกแทนที่
ธุรกิจที่ยังพึ่งพาการจดบันทึกด้วยมือหรือ Excel กำลังตกขบวน ระบบ ERP + Cloud-based Logistics Management กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่
2. ค่าขนส่งผันผวนจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ รวมถึงความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้เส้นทางการขนส่งเปลี่ยนบ่อย ราคาน้ำมันยังคงแกว่ง ธุรกิจต้องเตรียม แผนสำรอง และกระจายความเสี่ยงให้ดี
3. พฤติกรรมลูกค้าไม่ยอมรอ
ลูกค้าคาดหวังการส่งที่รวดเร็ว ตรวจสอบสถานะได้ตลอดเวลา และคืนสินค้าได้ง่าย หากระบบโลจิสติกส์ของธุรกิจล่าช้าหรือไม่มีข้อมูลแบบเรียลไทม์ จะสูญเสียความเชื่อมั่นอย่างรวดเร็ว
4. ไซโลข้อมูลภายในองค์กรยังเป็นปัญหา
หลายองค์กรยังแยกฝ่ายโลจิสติกส์ แผนกขาย และฝ่ายคลังสินค้าอย่างชัดเจนเกินไป ทำให้ข้อมูลไม่ไหลลื่น ต้องเร่งปรับวัฒนธรรมองค์กรให้เชื่อมโยงกันด้วยข้อมูล
สรุป: ปี 2025 คือจุดเปลี่ยนของวงการโลจิสติกส์
ผู้ประกอบการต้องไม่เพียงแค่อัปเกรดเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ต้อง อัปเกรดแนวคิด การบริหารจัดการแบบดั้งเดิมไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ในยุคที่ ความเร็ว ความแม่นยำ และความยั่งยืน คือหัวใจของความสำเร็จ
บทความที่เกี่ยวข้อง
เปลี่ยนธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งให้ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และมืออาชีพยิ่งกว่าเดิม
ในยุคที่ลูกค้าต้องการคำตอบทันที และการจัดการต้องรวดเร็วแม่นยำ ธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งไม่สามารถพึ่งแค่คนหรือระบบเดิมได้อีกต่อไป หลายเจ้าของแฟรนไชส์เริ่มหันมาใช้ AI Assistant เข้ามาช่วยงาน ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน ซึ่งช่วยให้ระบบแฟรนไชส์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง
2 ก.ค. 2025
นี่ไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์แต่มันคือ ทิศทางที่วงการโลจิสติกส์กำลังมุ่งไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
2 ก.ค. 2025
ในวันที่ AI, Automation, และระบบอัตโนมัติเริ่มเข้ามาแทนที่แรงงานคน หลายคนในวงการโลจิสติกส์เริ่มตั้งคำถามว่า…
2 ก.ค. 2025