แนวคิดในการทำงานของคนรุ่นใหม่: การทำงานที่มากกว่าค่าตอบแทน
อัพเดทล่าสุด: 19 เม.ย. 2025
301 ผู้เข้าชม

แนวคิดในการทำงานของคนรุ่นใหม่: การทำงานที่มากกว่าค่าตอบแทน
1. ความยืดหยุ่นในการทำงาน
คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ "Work-Life Balance" หรือการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับงานมากกว่าการทำงานหนักเพื่อแลกกับค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว พวกเขาเชื่อว่าการทำงานที่ดีควรมีความยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา สถานที่ หรือวิธีการทำงาน ทำให้การทำงานแบบรีโมตหรือไฮบริดกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
2. ทำงานเพื่อความหมาย ไม่ใช่แค่เงินเดือน
ต่างจากรุ่นก่อนที่อาจมองงานเป็นเพียงหน้าที่ คนรุ่นใหม่มองหางานที่ ตรงกับตัวตน และ มีความหมาย พวกเขาต้องการรู้ว่าสิ่งที่ทำส่งผลดีต่อสังคมหรือโลกในทางใด และอยากมีส่วนร่วมในองค์กรที่มีเป้าหมายชัดเจน ไม่ใช่แค่ทำงานตามคำสั่งโดยปราศจากแรงบันดาลใจ
3. พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ตลอดเวลา การทำงานที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เติบโต เรียนรู้ และท้าทายตัวเองจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกอาชีพ พวกเขาไม่กลัวที่จะเปลี่ยนสายงาน หากเห็นว่าอีกเส้นทางหนึ่งจะทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือเติมเต็มเป้าหมายในระยะยาวได้มากกว่า
4. ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กร
สิ่งแวดล้อมในการทำงานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ พวกเขามองหาองค์กรที่ให้คุณค่าแก่พนักงาน มีวัฒนธรรมเปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็น และส่งเสริมความหลากหลาย โดยเฉพาะเรื่องความเป็นธรรม ความเท่าเทียม และความยุติธรรมในที่ทำงาน
5. นิยมนำเทคโนโลยีมาปรับใช้
การเติบโตมากับเทคโนโลยีทำให้คนรุ่นใหม่มีความคุ้นเคยกับการใช้เครื่องมือดิจิทัล พวกเขาชื่นชอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และไม่ลังเลที่จะหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นและเร็วขึ้น รวมถึงพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สรุป
แนวคิดการทำงานของคนรุ่นใหม่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน แต่สะท้อนถึงค่านิยมที่เปลี่ยนไป พวกเขาไม่เพียงต้องการ มีงานทำ แต่ต้องการ งานที่ใช่ งานที่ตอบโจทย์ชีวิตและคุณค่าของตนเอง การเข้าใจแนวคิดเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้คนต่างรุ่นทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้องค์กรสามารถดึงดูดและรักษาคนเก่งรุ่นใหม่ไว้ได้ในระยะยาว
1. ความยืดหยุ่นในการทำงาน
คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ "Work-Life Balance" หรือการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับงานมากกว่าการทำงานหนักเพื่อแลกกับค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว พวกเขาเชื่อว่าการทำงานที่ดีควรมีความยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา สถานที่ หรือวิธีการทำงาน ทำให้การทำงานแบบรีโมตหรือไฮบริดกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
2. ทำงานเพื่อความหมาย ไม่ใช่แค่เงินเดือน
ต่างจากรุ่นก่อนที่อาจมองงานเป็นเพียงหน้าที่ คนรุ่นใหม่มองหางานที่ ตรงกับตัวตน และ มีความหมาย พวกเขาต้องการรู้ว่าสิ่งที่ทำส่งผลดีต่อสังคมหรือโลกในทางใด และอยากมีส่วนร่วมในองค์กรที่มีเป้าหมายชัดเจน ไม่ใช่แค่ทำงานตามคำสั่งโดยปราศจากแรงบันดาลใจ
3. พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ตลอดเวลา การทำงานที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เติบโต เรียนรู้ และท้าทายตัวเองจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกอาชีพ พวกเขาไม่กลัวที่จะเปลี่ยนสายงาน หากเห็นว่าอีกเส้นทางหนึ่งจะทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือเติมเต็มเป้าหมายในระยะยาวได้มากกว่า
4. ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กร
สิ่งแวดล้อมในการทำงานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ พวกเขามองหาองค์กรที่ให้คุณค่าแก่พนักงาน มีวัฒนธรรมเปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็น และส่งเสริมความหลากหลาย โดยเฉพาะเรื่องความเป็นธรรม ความเท่าเทียม และความยุติธรรมในที่ทำงาน
5. นิยมนำเทคโนโลยีมาปรับใช้
การเติบโตมากับเทคโนโลยีทำให้คนรุ่นใหม่มีความคุ้นเคยกับการใช้เครื่องมือดิจิทัล พวกเขาชื่นชอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และไม่ลังเลที่จะหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นและเร็วขึ้น รวมถึงพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สรุป
แนวคิดการทำงานของคนรุ่นใหม่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน แต่สะท้อนถึงค่านิยมที่เปลี่ยนไป พวกเขาไม่เพียงต้องการ มีงานทำ แต่ต้องการ งานที่ใช่ งานที่ตอบโจทย์ชีวิตและคุณค่าของตนเอง การเข้าใจแนวคิดเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้คนต่างรุ่นทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้องค์กรสามารถดึงดูดและรักษาคนเก่งรุ่นใหม่ไว้ได้ในระยะยาว
บทความที่เกี่ยวข้อง
"Data Matching" หรือการจับคู่ข้อมูล คือเทคโนโลยีสำคัญที่เข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยทำหน้าที่เป็นเหมือน "กาวดิจิทัล" ที่เชื่อมโยงเอกสารการค้าเหล่านี้เข้าด้วยกัน สร้างความโปร่งใส (Transparency) และประสิทธิภาพตลอดทั้งกระบวนการซัพพลายเชน
22 ต.ค. 2025
วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของการฝึกงาน แต่ความรู้และประสบการณ์ที่ผมได้รับจากที่นี่จะคงอยู่ตลอดไป การได้มีโอกาสเข้ามาฝึกงานในโลกของโลจิสติกส์และ Fulfillment ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ถือเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ผมอยากใช้พื้นที่นี้เพื่อขอบคุณสำหรับโอกาสในการเรียนรู้ที่เปลี่ยนทฤษฎีในห้องเรียนให้กลายเป็น "ประสบการณ์จริง" ที่จับต้องได้
22 ต.ค. 2025
Dashboard ส่วนใหญ่ที่เราคุ้นเคย มักจะเน้นแสดง "สิ่งที่เกิดขึ้น" – ยอดขายที่พุ่งสูง, จำนวนออเดอร์ที่เข้ามา, หรือเส้นทางการขนส่งที่มีการเคลื่อนไหว... แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้า Dashboard สามารถแสดง "สิ่งที่ ไม่ เกิดขึ้น" และเผยให้เห็นถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ใน "ความเงียบ" เหล่านั้น?
22 ต.ค. 2025
BS Rut กองรถ


