แชร์

9 Pricing Strategies ตั้งราคายังไงให้ได้กำไรสูงสุด ?

noimageauthor นักศึกษาฝึกงาน(คลัง)
อัพเดทล่าสุด: 24 ม.ค. 2025
401 ผู้เข้าชม
Pricing Strategy คือ รูปแบบหรือวิธีการกำหนดราคาเพื่อให้ได้ผลกำไรที่คุ้มค่าที่สุดจากสินค้าหรือบริการ ซึ่งราคานั้นจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเป้าหมายและภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย
 
นอกจากต้นทุนแล้ว ราคาก็อาจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางธุรกิจหลายอย่าง ทั้งเป้าหมายรายได้, วัตถุประสงค์ทางการตลาด, Brand Position ฯลฯ รวมไปถึงอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เช่น ความต้องการของผู้บริโภค ราคาของคู่แข่ง ด้วย โดยมีกลยุทธ์ที่หลากหลายในการเลือกใช้ ดังนี้
 
1. Competition-Based Pricing Strategy การตั้งราคาอิงตามคู่แข่ง
การตั้งราคาตามการแข่งขันในตลาดหรือกำหนดราคาอิงตามคู่แข่ง เป็นการตั้งราคาที่อิงตามเกณฑ์ที่คู่แข่งส่วนใหญ่ตั้งกันในตลาด แต่อาจจะปรับให้ถูกหรือแพงกว่าเล็กน้อยด้วยการเพิ่มมูลค่าอื่น ๆ เพื่อเป็นกลยุทธ์ที่จะเอาชนะคู่แข่ง และสามารถสร้างยอดขายหรือกำไรได้มากกว่า
 
2. Cost-Plus Pricing Strategy การตั้งราคาโดยบวกกำไรจากต้นทุน
กลยุทธ์การตั้งราคาแบบนี้ เป็นการตั้งราคาโดยบวกกำไรที่ต้องการเพิ่มไปจากต้นทุนของสินค้า อยากได้กำไรเท่าไหร่หรือกี่เปอร์เซ็นต์ก็เพิ่มไปเท่านั้น การตั้งราคาแบบนี้ไม่เหมาะกับธุรกิจบริการหรือสินค้าซอฟต์แวร์ที่คำนวนต้นทุนที่แท้จริงได้ยาก หรือมีมูลค่าของสินค้าสูงกว่าต้นทุนการผลิต
 
3. Dynamic Pricing Strategy การตั้งราคาแบบยืดหยุ่น
การตั้งราคาแบบยืดหยุ่น หรืออาจเรียกได้อีกชื่อว่า 'Demand Pricing Strategy' เป็นการตั้งราคาที่เพิ่มลดตามความต้องการของลูกค้าในเวลานั้น เช่น โรงแรม สายการบิน ห้องจัดอีเวนต์ ฯลฯ ที่มีการใช้อัลกอริทึ่มเพื่อวิเคราะห์และปรับราคาให้เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา
 
4. High-Low Pricing Strategy การตั้งราคาขายสูงแต่ขายจริงต่ำ
เรียกได้อีกชื่อนึงว่า 'Discount Pricing Strategy' เป็นการตั้งราคาสินค้าให้สูงไว้ก่อนในตอนแรก แล้วจะมีการลดราคาเมื่อขายจริง หรือในช่วงอีเวนต์พิเศษ เช่น ลดล้างสต๊อก, Mid-year Sale, Black Friday เป็นต้น

ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์นี้ เช่น เครื่องสำอางค์ที่มักตั้งราคาเต็มไว้สูง แต่ขายจริงด้วยราคาส่วนลดตลอดการขาย
 
5. Skimming Pricing Strategy การตั้งราคาสูงไว้ก่อนในช่วงเปิดตัว
กลยุทธ์การตั้งราคาแบบ Skimming เป็นการตั้งราคาสินค้าให้สูงมาก ๆ ในช่วงแรกของการเปิดตัว แล้วจะมีการลดราคาลงเรื่อย ๆ เมื่อกระแสความนิยมของสินค้าลดลง

ส่วนใหญ่เราจะเห็นการตั้งราคาแบบนี้ในสินค้าพวกเทคโนโลยี และสินค้าที่ความต่างของราคาไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ที่จะมีรุ่นใหม่ ๆ ออกมาตลอด ส่วนรุ่นเก่าที่ความนิยมตก ก็จะถูกลดราคาลงเมื่อเวลาผ่านไป และเพราะราคาขายที่สูงตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น การตั้งราคาแบบนี้ทำให้ธุรกิจสามารถคืนทุนได้ในเวลารวดเร็ว
 
6. Penetration Pricing Strategy การตั้งราคาแบบเจาะตลาด
ในขณะที่กลยุทธ์ Skimming Pricing ตั้งราคาสูงในช่วงเริ่มขาย ตรงข้ามกัน Penetration Pricing เป็นการตั้งราคาสินค้าให้ถูกเพื่อรุกเข้าตลาดในช่วงเปิดตัว ซึ่งสามารถดึงความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย และแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากเจ้าถิ่นในตลาดได้ แต่ก็ต้องมั่นใจว่าแผนการตลาดจะทำให้ลูกค้ายังอยู่กับเราต่อเมื่อเวลาผ่านไปและราคาสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นการ Dump ราคาลงเพื่อเจาะตลาด กลยุทธ์นี้จึงเป็นแผนที่ไม่ยั่งยืนในระยะยาว ทั่วไปจะใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ หรือตามกำลัง (ทรัพย์) ที่มี
 
7. Value-Based Pricing Strategy การตั้งราคาตามมูลค่าสินค้า
กลยุทธ์การตั้งราคาแบบนี้ เป็นการกำหนดราคาตามมูลค่าของสินค้าหรือบริการซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ลูกค้ายินดีจ่าย นั่นคือธุรกิจจะตั้งราคาตามความสนใจของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งราคาที่ลูกค้ามองว่าสมเหตุสมผลนี้ก็มีโอกาสที่จะช่วยเพิ่ม Royalty ให้กับธุรกิจได้

เช่น ร้านอาหารที่ตั้งราคาได้เหมาะสมกับคุณภาพของวัตถุดิบ ถ้าวัตถุดิบดี แต่มีราคาสูง ก็ยังมีลูกค้ากลุ่มที่ยอมจ่าย แถมลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะยิ่งเชื่อมั่นในแบรนด์ต่อไปด้วย
 
8. Psychological Pricing Strategy การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา
กลยุทธ์การตั้งราคาแบบนี้มีเป้าหมายโดยการเล่นกับจิตวิทยามนุษย์เพื่อเพิ่มยอดขาย ตัวอย่างเช่น การตั้งราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 หรือการซื้อ 1 แถม 1 รวมไปถึงการเลือกสีตัวอักษร ขนาดตัวอักษร ฟอนต์ และอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความรู้สึกในการตัดสินใจซื้อ

อย่างไรก็ตาม การตั้งราคาสินค้าต่ำ ๆ เพื่อจูงใจให้ซื้อ อาจจะไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดเสมอไป อย่างน้อยธุรกิจต้องรู้ความคิดของกลุ่มเป้าหมายว่าจริง ๆ พวกเขาสนใจการมีส่วนลดของเรารึเปล่า หรือการจ่ายราคาสูงเพื่อให้ได้สินค้ามีคุณภาพเป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญมากกว่า
 
9. Geographic Pricing Strategy การตั้งราคาตามภูมิศาสตร์
กลยุทธ์การตั้งราคาแบบนี้ เป็นการตั้งราคาโดยพิจารณาถึงต้นทุนการขนส่ง มักเป็นสินค้าที่ผู้ขายต้องรับภาระค่าขนส่งเอง หรือสินค้าที่ต้องใช้วัตถุดิบจากพื้นที่เฉพาะ ไม่ใช่วัตถุดิบที่หาได้จากทุกที่ในโลก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
BY : Jim
ที่มา : https://adaddictth.com/knowledge/9-Pricing-Strategies
 

บทความที่เกี่ยวข้อง
Warehouse Kaizen: แค่จัดใหม่ให้ถูกจุด ก็ลดเวลาเดินในคลังได้ถึง 30%
Warehouse Kaizen: แค่จัดใหม่ให้ถูกจุด ก็ลดเวลาเดินในคลังได้ถึง 30%
Notify.png พี่ปี
2 พ.ค. 2025
สินค้าที่จะจัดส่งวันนี้หายไปจากที่จัดเก็บ เราควรทำอย่างไรดี?
สินค้าที่จะจัดส่งวันนี้หายไปจากที่จัดเก็บ เราควรทำอย่างไรดี?
Notify.png พี่ปี
2 พ.ค. 2025
ลงทุนแฟรนไชส์ขนส่ง = รายได้สม่ำเสมอในยุคเศรษฐกิจไม่แน่นอน
ในยุคที่เศรษฐกิจทั่วโลกเต็มไปด้วยความผันผวน ทั้งจากผลกระทบของเทคโนโลยี การเมือง และโรคระบาด ธุรกิจที่สามารถสร้าง รายได้สม่ำเสมอ และ ตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ได้ กลายเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับนักลงทุน และหนึ่งในโมเดลธุรกิจที่มาแรงที่สุดก็คือ "แฟรนไชส์ขนส่ง"
ร่วมมือ.jpg Contact Center
30 เม.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ